Abstract:
การวิจัยสภาพและแนวทางการบริหารสถานศึกษาตามโครงการโรงเรียนสุจริต สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 ในครั้งนี้ผู้วิจัยมีวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อ 1) ศึกษาสภาพการบริหารสถานศึกษาตามโครงการโรงเรียนสุจริต สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 2) เปรียบเทียบความคิดเห็นของครูเกี่ยวกับสภาพการบริหารสถานศึกษาตามโครงการโรงเรียนสุจริต จำแนกตามประสบการณ์การทำงานและขนาดโรงเรียน และ 3) เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารสถานศึกษาตามโครงการโรงเรียนสุจริต การดำเนินการวิจัยแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ดงนี้ ระยะที่ 1 ศึกษาและเปรียบเทียบสภาพการบริหารสถานศึกษาตามโครงการโรงเรียนสุจริต กลุ่มตัวอย่างคือ ครูในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 จำนวน 351 คน ทำการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสถิติ t- test และค่าสถิติ F- test ระยะที่ 2 การศึกษาแนวทางการบริหารสถานศึกษาตามโครงการโรงเรียนสุจริต กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 4 ท่าน วิเคราะห์โดยการตีความหมายในรูปของการการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา
ผลการวิจัยสรุปว่า
1. ความคิดเห็นของครูเกี่ยวกับสภาพการบริหารสถานศึกษาตามโครงการโรงเรียนสุจริต สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 โดยรวมอยู่ในระดับมาก
2. ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของครูเกี่ยวกับสภาพการบริหารสถานศึกษาตามโครงการโรงเรียนสุจริต จำแนกตามประสบการณ์การทำงานและจำแนกตามขนาดของโรงเรียน โดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. แนวทางการดำเนินงานทางการบริหารสถานศึกษาตามโครงการโรงเรียนสุจริต พบว่าสถานศึกษาควรส่งเสริมให้นักเรียนมีทักษะการคิดแก้ปัญหาเป็น ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ จัดการเรียนการสอนแบบลงมือปฏิบัติ (Active Learning) ให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเสนอความคิดร่วมกัน ให้เข้ากับศตวรรษที่ 21 มีการใช้เทคโนโลยีต่างๆ เน้นการบูรณาการ มีนวัตกรรมเข้ามาช่วยในการเรียนการสอน มีการติดตามประเมินผลโดยเน้นทักษะกระบวนการคิดอย่างต่อเนื่อง มีการจัดกิจกรรมให้นักเรียนแสดงออกถึงความเป็นจิตสาธารณะ ร่วมกับโรงเรียนและชุมชนอย่างสม่ำเสมอ มีการยกย่องเชิดชู เห็นคุณค่าของนักเรียน หรือมอบเกียรติบัตรเพื่อให้นักเรียนเกิดความภูมิใจ โดยผู้ปกครองและครูควรปฏิบัติเป็นแบบอย่างที่ดีด้านจิตสาธารณะ ส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักการออมและใช้เงินตามความจำเป็นผ่านกิจกรรม โครงการต่างๆ ปลูกฝังความพอเพียง พัฒนาสถานศึกษาให้เป็นโรงเรียนต้นแบบด้านความพอเพียง
ครูที่ปรึกษา ควรสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนเป็นรายบุคคลครบทุกคน พร้อมทั้งจดบันทึกพฤติกรรมในด้านต่างๆ ประกอบด้วย ด้านความสามารถ ด้านสุขภาพ ด้านครอบครัวและด้านอื่นๆ สถานศึกษาควรมีการประชุมเพื่อวางแผนเกณฑ์การคัดกรองนักเรียนให้มีมาตรฐาน เป็นไปตามแนวทางเดียวกัน สถานศึกษาควรใช้ข้อมูลด้านการคัดกรองนักเรียนเพื่อนำมาเป็นแนวทางในการจัดทำแผน/โครงการ/กิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนานักเรียนให้ครอบคลุมนักเรียนทุกคน สถานศึกษาควรมีครูแนะแนวที่ทำหน้าที่ให้คำปรึกษานักเรียนโดยเฉพาะ และสถานศึกษาควรประชุมร่วมกันเพื่อวางแผน เกณฑ์การส่งต่อนักเรียนทั้งการส่งต่อภายในและการส่งต่อภายนอกให้มีมาตรฐานและแนวปฏิบัติเดียวกันทั้งสถาบัน