Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาความคิดเห็นของครูเกี่ยวกับสภาพการบริหารงานวิชาการของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดบุรีรัมย์ และ 2) เปรียบเทียบความคิดเห็นของครูเกี่ยวกับสภาพการบริการงานวิชาการของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัด บุรีรัมย์ จำแนกตามวุฒิการศึกษา และประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน กลุ่มตัวอย่างเป็นครู จำนวน 217 คน ซึ่งได้มาโดยการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามตารางของเครจซี่และมอร์แกน และการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมี 3 ลักษณะ ได้แก่ แบบสำรวจรายการ แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ และแบบปลายเปิด มีค่าความเชื่อมั่น 0.89 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ร้อยล่ะค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานโดยการทดสอบค่าที การวิเคาะห์ความแปรปรวนทางเดียวและทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ตามวิธีการของเชฟเฟ่ ผลของการวิจัย 1.สภาพการบริหารงานวิชาการของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดบุรีรัมย์ ตามความคิดเห็นของครุ โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการจักการเรียนรู้ รองลงมาคือ ด้านการวัดผลการวัดผลประเมินผล ด้านสภาพการทำงาน และด้านการบริหารหลักสูตร ตามลำดับ 2.เปรียบเทียบความคิดเห็นของครูเกี่ยวกับสภาพการบริหารงานวิชาการของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดบุรีรัมย์ จำแนกตามวุฒการศึกษา โดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เมื่อจำแนกเป็นรายด้านพบว่าด้านการบริหารหลักสูตร แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.5 และด้านการนิเทศการศึกษา แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.1 ส่วนด้านอื่นๆไม่แตกต่างกัน 3.เปรียบเทียบความคิดเห็นของครูเกี่ยวกับสภาพการบริหารงานวิชาการของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดบุรีรัมย์ จำแนกตามประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน โดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ .01 เมื่อจำแนกเป็นรายด้าน พบว่าด้านการบริหารหลักสูตร ด้านการจัดการเรียนรู้ และด้านการนิเทศการศึกษาแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.1 ส่วนด้านอื่นไม่แตกต่างกัน 4.ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของครูเกี่ยวกับสภาพการบริหารงานวิชาการของศูนย์การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดบุรีรัมย์ ที่มีจำนวนมากที่สุด ได้แก่ ควรมีการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการในการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาและหลักสูตรท้องถิ่น รองลงมาคือ ควรมีหารปรับปรุงหลักสูตรให้เป็นปัจจุบันและพัฒนาหลักสูตรให้ได้มาตรฐาน และควรให้ชุมชนเข้ามีส่วนร่วมในการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา