Abstract:
งานวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาและเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหาร ครู ผู้ดูแลเด็กและคณะกรรมการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเกี่ยวกับสภาพการบริหารงานของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำแนกตามสภาพตำแหน่ง ระดับการศึกษา และรูปแบบการปกครองส่วนท้องถิ่นโดยศึกษาและเปรียบเทียบใน 4 ด้าน คือ ด้านบุคลากรและการบริหารจัดการ ด้านอาคารสถานที่สิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย ด้านวิชาการและกิจกรรมตามหลักสูตร และด้านการมีส่วนร่วมและการสนับสนุนจากชุมชน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้จากการสุ่มจากประชากรด้วยวิธีการสุ่มแบบชั้นภูมิประกอบด้วย ผู้บริหาร จำนวน 66 คน ครูผู้ดูแลเด็ก จำนวน 40 คน คณะกรรมการศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน 108 คน รวมทั้งสิ้นจำนวน 214 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามมี 3 ลักษณะ ได้แก่ แบบตรวจสอบรายการ แบบมาตรส่วนประมาณค่า 5 ระดับ และปลายเปิด และมีความเชื่อมั่นเท่ากับ .9857 การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าสถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานโดย การทดสอบค่าที และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว ถ้าพบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยในแต่ละด้านอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติจะทำการเปรียบเทียบเป็นรายคู่ ตามวิธีการของเชฟเฟ่กำหนดค่านัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผลการวิจัย 1.ผู้บริหาร ครูผู้ดูแลเด็กเล็ก และคณะกรรมการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมีความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพการบริหารงานของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โดยภาพรวมและรายด้านทุกด้านอยู่ในระดับมากโดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากสูงไปหาต่ำได้แก่ ด้านอาคารสถานที่สิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย ด้านบุคลากรและการบริหารจัดการ ด้านการมีส่วนร่วมและสนับสนุนจากชุมชน และด้านวิชาการและกิจกรรมตามหลักสูตร ตามลำดับ 2.การเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหาร ครูผู้ดูแลเด็กเล็ก และคณะกรรมการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเกี่ยวกับสภาพการบริหารงานของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ จำแนกตามสถานภาพตำแหน่ง ระดับการศึกษาและรูปแบบการปกครองส่วนท้องถิ่นโดยภาพรวมและรายด้านทุกด้านแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3.ผู้บริหาร ครูผู้ดูแลเด็กเล็ก และคณะกรรมการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กได้แสดงความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะที่มีจำนวนมากที่สุดในแต่ละด้าน ได้แก่ ควรมีการจัดส่งบุคลากรครูผู้ดูแลเด็ก เข้ารับการอบรมพัฒนาด้านวิชาการ และการจัดการศึกษา ควรจัดสถานที่ให้บรรยากาศ น่าดูน่าอยู่ น่าเรียนเพื่อเป็นการเสริมสร้างการให้ดียิ่งขึ้น ให้มีการจัดทำหลักสูตรปฐมวัยให้มีความสอดคล้องกับชุมชนท้องถิ่นของตนเอง และควรเปิดโอกาสให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนในการจัดการศึกษามากขึ้น