Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อการศึกษาสภาพการพัฒนาครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารและครูใน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านการฝึกอบรม ด้านการศึกษาดูงานหรือการศึกษาต่อ ด้านการพัฒนาครูโดยกระบวนการปฏิบัติงาน ด้านการพัฒนาด้วยตนเองและด้านการพัฒนาครูโดยกระบวนการบริหาร เพื่อเปรียบเทียบสภาพการพัฒนาครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 ทั้ง 5 ด้าน จำแนกตามสถานภาพตำแหน่ง วุฒิการศึกษา และขนาดของโรงเรียน กลุ่มตัวอย่างเป็นบุคลากรครูในโรงเรียน 345 คน ประกอบด้วย ผู้บริหารโรงเรียน จำนวน 66 คน และครู จำนวน 279 คน ซึ่งได้มาโดยตารางกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามตารางของเครจซีและมอร์แกน และการซุ่มแบบชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถามที่ผู้วิจัยได้สร้างขึ้นและมีค่าความเชื่อมั่น 0.9547 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที การทดสอบค่าเอฟ และวิธีการของเชฟเฟ่ (Scheffe’Method) ผลการวิจัยพบว่า 1. สภาพการพัฒนาครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารและครู โดยรวมและรายด้านมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก 2. การเปรียบเทียบสภาพการพัฒนาครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารและครู จำแนกตามสภาพตำแหน่งโดยรวมและรายด้านไม่โดยแตกต่างกัน 3. การเปรียบเทียบสภาพการพัฒนาครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารและครู จำแนกตามวุฒิการศึกษาโดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า กระบวนการปฏิบัติงาน ด้านการฝึกอบรม ด้านการพัฒนาครู โดยกระบวนการปฏิบัติงานแตกต่างกันอย่างมีวินัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ด้านการพัฒนาด้วยตนเอง ด้านการพัฒนาครูโดยกระบวนการบริหารแตกต่างกันอย่างมีวินัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ยกเว้นด้านการศึกษาดูงานหรือการศึกษาต่อไม่แตกต่างกัน 4. การเปรียบเทียบสภาพการพัฒนาครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารและครู จำแนกตามขนาดของโรงเรียน โดยรวมและรายด้านแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 5. ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้บริหารและครูเกี่ยวกับสภาพการพัฒนาครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 ที่มีจำนวนมากที่สุด คือ 1) การพัฒนาครูในโรงเรียนควรมีการวางแผนการพัฒนาบุคลากรร่วมกันระหว่างผู้บริหารและครูเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่นักเรียน ได้แก่ การจัดฝึกอบรมควรจัดให้สอดคล้องกับหลังสูตรการศึกษาแกนกลางและหลักสูตรของโรงเรียนสามารถนำผลการอบรมมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับการเรียนการสอน 2) ส่งเสริมให้บุคลากรในโรงเรียนศึกษาต่อระดับที่สูงขึ้นเพื่อเป็นการพัฒนาตนเองให้มีความเชี่ยวชาญในศาสตร์วิชาเฉพาะของแต่ละบุคคลหรือสนับสนุนให้บุคลากรครูได้ไปศึกษาดูงานในแหล่งเรียนรู้ที่ครูจะนำความรู้ที่ได้รับมาถ่ายทอดให้กับนักเรียน และ 3) โรงเรียนควรเลือกสรรบุคลากรครูที่มีความสามารถเป็นครูนิเทศประจำโรงเรียนเพื่อให้คำปรึกษาและแนะนำแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล นอกจากนี้ควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ครูมีการจัดแสดงผลงานทางวิชาการอย่างสม่ำเสมอ