Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย 1) เพื่อศึกษาการบริหารความขัดแย้งในองค์การของบุคลากรสังกัดองค์การปกครองท้องถิ่น ในเขตพื้นที่อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ 2) เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของบุคลากรสังกัดองค์ปกครองท้องถิ่น ในเขตพื้นที่อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ เกี่ยวกับการบริหารความขัดแย้งในองค์การ โดยจำแนกตามเพศ ระดับการศึกษาและสถานภาพตำแหน่ง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย มี2 กลุ่ม ได้แก่ ผู้บริหารและหัวหน้าส่วนจำนวน 94 คน และผู้ปฏิบัติงาน ได้จากการสุ่มจากประชากร จำนวน 191 คน รวม 285 คน โดยสุ่มให้กระจายไปตามองค์กรปกครองท้องถิ่นต่าง ๆตามสัดส่วน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้เทคนิคแบบสัมภาษณ์ ได้จากการเลือกแบบเจาะจง โดยการกำหนดเป็นโควตา จำนวน 12 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 2 ประเภท คือ แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ โดยแบบสอบถามมีค่าความเชื่อมันเท่ากับ 0.8837 ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ใช้การวิเคราะห์โดยอุปมาน ส่วนข้อมูลจากการตอบแบบสอบถามใช้การวิเคราะห์ด้วยการแจกแจงความถี่ หาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมุติฐาน โดยการวิเคราะห์ค่า T-test และ F-test เมื่อพบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยในแต่ละด้านอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ทำการเปรียบเทียบเป็นรายคู่ด้วยวิธีการของเชฟเฟ่กำหนดค่าสถิติที่นัยสำคัญ .05 ผลการวิจัยพบว่า การบริหารความขัดแย้งในองค์การของบุคลากรสังกัดองค์กรปกครองท้องถิ่น ในเขตพื้นที่อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านการเอาชนะ อยู่ในระดับน้อย ด้านการหลีกเลี่ยง และด้านการยอมให้ อยู่ในระดับปานการส่วนด้านการร่วมมือ และด้านการประนีประนอม อยู่ในระดับมากที่สุด โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือด้านการประนีประนอม รองลงมา คือด้านการร่วมมือ ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านการเอาชนะ ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของบุคลากรที่มีต่อต่อการบริหารความขัดแย้งในองค์การสังกัดองค์กรปกครองท้องถิ่นในเขตพื้นที่อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ จำแนกตามเพศ และระดับการศึกษา โดยภาพรวม และรายด้านไม่แตกต่างกัน และจำแนกตามสถานภาพตำแหน่ง โดยภาพรวมและรายด้านแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากการใช้เทคนิคการสัมภาษณ์ พบว่า การบริหารความขัดแย้งในองค์การของบุคลากรสังกัดองค์กรปกครองท้องถิ่นในเขตพื้นที่อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งมีข้อเสนอแนะตามความมากกน้อยแต้ละด้านใน 3 ด้าน มีดังนี้ 1) ด้านการประนีประนอม เมื่อเกิดความขัดแย้งก็จะหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร และช่วยหาวิธีแก้ไขโดยการพูดคุยให้เกิดการประนีประนอมมากที่สุด เพราะเป็นการแก้ปัญหาให้ผู้อื่นพึงพอใจมากที่สุด 2) ด้านการร่วมมือ ผู้บริหารควรทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชารู้สึกว่าตนมีส่วนร่วมในการออกความคิดเห็นและแก้ไขปัญหา พยายามประสานความสนใจทุกอย่างของผู้อื่นและของตนเองเข้าด้วยกัน ข้อเสนอแนะควรจะเปลี่ยนความขัดแย้งให้เป็นปัญหาที่คู่กรณีจะต้องร่วมมือแก้ไขหรือหาทางออกที่เหมาะสม หาวิธีการแก้ไขด้วยการเห็นพ้องต้องกัน และ 3) ด้านการยอมให้ ควรขอความร่วมมือจากบุคคลอื่น เพื่อให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องได้มีส่วนร่วม ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง