Abstract:
การวิจัยครั้งนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาและเปรียบเทียบปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติงานธุรการในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา จังหวัดบุรีรัมย์ ตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียนและอาจารย์ผู้รับผิดชอบงานธุรการ ประชากรเป็นผู้บริหารโรงเรียนและอาจารย์กลุ่มตัวอย่างคือ กลุ่มประชากร จำนวน 272 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเองมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .9594 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบสมมติฐานใช้ t-test แบบ Independent Sample t-test และการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว (One-way Analysis of Variance) และเมื่อพบความแตกต่างจึงทำการเปรียบเทียบรายคู่ ในแต่ละด้านตามวิธีของเชฟเฟ่ (Scheffe’s Method) กำหนดค่าสถิติที่ระดับนัยสำคัญ .05 ผลการวิจัยพบว่า 1.ผู้บริหารโรงเรียนและอาจารย์ผู้รับผิดชอบงานธุรการ มีความคิดเห็นต่อปัจจัยพบว่าผลการปฏิบัติงานธุรการในโรงเรียนมัธยมศึกษา ทั้งโดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก โดยเรียงลำดับจากด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงไปหาต่ำ คือ ด้านงานการเงินและบัญชี ด้านงานสารบรรณ และด้านงานพัสดุ 2.ผู้บริหารโรงเรียนกับอาจารย์ผู้รับผิดชอบงานธุรการ มีความคิดเห็นต่อปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติงานธุรการในโรงเรียนมัธยมศึกษา ทั้งโดยรวมและรายด้าน ไม่แตกต่างกัน 3.ผู้บริหารโรงเรียนและอาจารย์ผู้รับผิดชอบงานธุรการ ที่ปฏิบัติงานในโรงเรียนขนาดกลางและขนาดเล็ก มีความคิดเห็นต่อปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติงานสารบรรณในโรงเรียนมัธยมศึกษา แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4.ผู้บริหารโรงเรียนและอาจารย์ผู้รับผิดชอบงานธุรการ ที่ปฏิบัติงานในโรงเรียนที่มีขนาดกลางกับขนาดเล็ก มีความคิดเห็นต่อปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติงานด้านการเงินและบัญชีแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 5.ผู้บริหารโรงเรียนและอาจารย์ผู้รับผิดชอบงานธุรการ ที่ปฎิบัติงานในโรงเรียนที่มีขนาดกลางกับขนาดเล็ก มีความคิดเห็นต่อปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติงานพัสดุแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 6.ผู้บริหารโรงเรียนและอาจารย์ผู้รับผิดชอบงานธุรการ ที่มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานต่างกัน มีความคิดเห็นต่อปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติงานพัสดุ ไม่แตกต่างกัน 7.ผู้บริหารโรงเรียนและอาจารย์ผู้รับผิดชอบงานธุรการ แสดงความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติงานธุรการในโรงเรียนมัธยมศึกษา ด้านงานสารบรรณ เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 5 ลำดับแรก ได้แก่ 1) งานสารบรรณเป็นงานที่ต้องปฏิบัติอยู่เป็นประจำ ควรมีเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะในการปฏิบัติงาน 2) งบประมาณสำหรับดำเนินงานด้านงานสารบรรณมีจำกัด ส่งผลให้การปฏิบัติงานค่อนข้างมีปัญหา 3) รัฐควรจัดสรรมาตรฐานเดียวกัน ควรจัดอบรมเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง และ 5 ) การปฏิบัติงานสารบรรณล่าช้าเนื่องจากมีขั้นตอนการปฏิบัติงานค่อนข้างมาก 8.ผู้บริหารโรงเรียนและอาจารย์ผู้รับผิดชอบงานธุรการ แสดงความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยมีผลต่อการปฏิบัติงานธุรการในโรงเรียนมัธยมศึกษา ด้านงานการเงินและบัญชี เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 5 ลำดับแรก ได้แก่ 1) โรงเรียนส่วนใหญ่ยังขาดเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ด้านการเงินและบัญชีโดยเฉพาะ ส่งผลให้เกิดปัญหาในด้านการปฏิบัติเป็นอย่างมาก 2) การใช้จ่ายเงินงบประมาณยังไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ 3) การใช้จ่ายเงินงบประมาณยังขาดความคล่องตัว ส่งผลต่อคุณภาพของงานอื่น ๆ ไปด้วย 4) การจัดทำระบบบัญชีงานการเงินยังไม่ค่อยถูกต้องตามระเบียบ ควรจัดอบรมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง และ 5) ควรลดขั้นตอนการเบิกจ่ายงบประมาณให้น้อยลง เพื่อให้การใช้จ่ายเงินเป็นไปอย่างคล่องตัวมากขึ้น 9.ผู้บริหารโรงเรียนและอาจารย์ผู้รับผิดชอบงานธุรการ แสดงความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแกนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติงานธุรการในโรงเรียนมัธยมศึกษา ด้านงานพัสดุ เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 5 ลำดับแรก ได้แก่ 1) บุคลากรที่ปฏิบัติงานด้านพัสดุมีไม่เพียงพอส่งผลต่อการควบคุมการเบิกจ่ายเป็นไปอย่างไม่คล่องตัว 2) เจ้าหน้าที่ขาดความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานด้านพัสดุ 3) การเบิกจ่ายพัสดุครุภัณฑ์ไม่เป็นไปตามระเบียบกฎเกณฑ์ที่กำหนด 4) ขาดการควบคุมกำกับเกี่ยวกับการเบิกจ่ายวัสดุ ครุภัณฑ์ จากผู้บริหารโรงเรียน และ 5 ) ขาดเทคโนโลยีที่ทันสมัยสำหรับใช้ในระบบงานพัสดุ