Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)เพื่อพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการส่งเสริมสุขภาพปากและฟัน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3 โดยใช้สื่อประสม ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2)เพื่อเปรียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3 ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการส่งเสริมสุขภาพปากและฟัน โดยใช้สื่อประสม 3)เพื่อศึกษาความพึงพอใจ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3 ที่มีต่อการเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้เรื่องการส่งเสริมสุขภาพปากและฟัน โดยใช้สื่อประสม และ 4)เพื่อเปรียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนและหลังเรียนไปแล้วสองสัปดาห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3 ที่เรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการส่งเสริมสุขภาพปากและฟัน โดยใช้สื่อประสม เพื่อศึกษาความคงทนในการเรียนรู้ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3 ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา 2555 โรงเรียนหนองอ้อวิทยาคม อำเภอลำทะเมนชัย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเขต 7 จำนวน 20 คน ได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลในครั้งนี้ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการส่งเสริมสุขภาพปากและฟัน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3 โดยใช้สื่อประสม จำนวน 5 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องการส่งเสริมสุขภาพปากและฟัน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3 โดยใช้สื่อประสม ซึ่งเป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 3 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ โดยมีค่าความยากตั้งแต่ 0.34 ถึง 0.71 ค่าอำนาจตั้งแต่ 0.55 ถึง 0.90 ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.91 และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3 ที่มีต่อการเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการส่งเสริมสุขภาพปากและฟัน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3 โดยใช้สื่อประสม แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐานใช้ t-test แบบ Dependent Samples ผลการวิจัยพบว่า 1.แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการส่งเสริมสุขภาพปากและฟัน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3 โดยใช้สื่อประสม มีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.50/86.67 ซึ่งผ่านเกณฑ์ที่กำหนด 2.ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3หลังเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการส่งเสริมสุขภาพปากและฟัน โดยใช้สื่อประสม สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3.ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3 ที่มีต่อการเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการส่งเสริมสุขภาพปากและฟัน โดยใช้สื่อประสม โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 4.ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนและหลังเรียนไปแล้วสองสัปดาห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3 ที่เรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการส่งเสริมสุขภาพปากและฟัน โดยใช้สื่อประสม ไม่แตกต่างกัน นั่นคือนักเรียนมีความคงทนในการเรียนรู้