Abstract:
การวิจันนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาและเปรียบเทียบทัศนะของผู้บริหาร และครูในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์เขต 4 ในท้องที่อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ ที่มีต่อสภาพการนิเทศภายในอย่างเป็นระบบ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา เป็นผู้บริหารโรงเรียนและครูที่ได้จากการสุ่มโดยกำหนดขนาดตามตารางสำเร็จรูปของเครจซี และมอร์แกน แล้วทำการสุ่มแบบแบ่งชั้นอย่างมีสัดส่วน รวมกลุ่มตัวอย่าง 358 คน เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นโดยยึดเนื้อหาตามกระบวนการนิเทศภายในอย่างเป็นระบบมีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ และแบบปลายเปิด แบบสอบถามมีอำนาจจำแนกระหว่าง 2.062 ถึง 7.105 และมีความเชื่อมั่น 0.85 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน ได้แก่ Independent Sample t-test การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยรายคู่โดยวิธีของเชฟเฟ ผลการศึกษาพบว่า 1. ผู้บริหารโรงเรียน และครูผู้สอน มีทัศนะต่อสภาพการนิเทศภายในอย่างเป็นระบบโดยรวมอยู่ในระดับมาก และหากพิจารณาในด้านต่างๆ อยู่ในระดับมากทุกด้าน 2. ผู้บริหารโรงเรียน และครูผู้สอน มีทัศนะต่อสภาพการนิเทศภายในอย่างเป็นระบบตามประเภทโรงเรียนจำแนกตามช่วงชั้น พบว่า ช่วงชั้นที่ 1-2 และช่วงชั้นที่ 1-3 โดยรวมผู้บริหารโรงเรียน และครูผู้สอน มีทัศนะต่อสภาพการนิเทศภายในอย่างเป็นระบบอยู่ในระดับมาก ส่วนช่วงชั้นที่ 3-4 โดยรวมผู้บริหารโรงเรียน และครูผู้สอน มีทัศนะต่อสภาพการนิเทศภายในอย่างเป็นระบบอยู่ในระดับปานกลาง 3. ผู้บริหารโรงเรียน และครูผู้สอน มีทัศนะต่อสภาพการนิเทศภายในอย่างเป็นระบบแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติทั้งโดยรวมและรายด้าน 4. ผู้บริหารโรงเรียน และครูผู้สอน ตามประเภทโรงเรียนจำแนกตามช่วงชั้น มีทัศนะต่อสภาพการนิเทศภายในอย่างเป็นระบบแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติทั้งโดยรวมและรายด้าน 5. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการนิเทศภายในอย่างเป็นระบบ ควรมีการประสานงานกับหน่วยงานระดับสูงกว่าสถานศึกษาทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ควรมีการอบรม สัมมนาเกี่ยวกับการนิเทศภายใน เพื่อสร้างความตระหนักให้เห็นความสำคัญ แก่บุคลากรและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ควรมีการศึกษาดูงานโรงเรียนที่ประสบความสำเร็จ เพื่อนำไปสู่การทำกิจกรรม การกำหนดตัวบ่งชี้ความสำเร็จสู่ตวามเป็นเลิศต่อไป