Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาความคิดเห็นของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ในจังหวัดบุรีรัมย์ต่อการปฏิบัติงานของครูตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพครู พ.ศ. 2537 ซึ่งมี 11 ด้าน คือ 1.ปฏิบัติกิจกรรมทางวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาวิชาชีพครู 2.ตัดสินใจปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ โดยคำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นกับผู้เรียน 3.มุ่งมั่นพัฒนาผู้เรียนให้เต็มศักยภาพ 4.พัฒนาแผนการสอนให้สามารถปฏิบัติได้เกิดผลจริง 5.พัฒนาสื่อการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ 6.จัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยเน้นผลถาวรที่เกิดขึ้นแก่ผู้เรียน 7.รายงานผลพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนได้อย่างมีระบบ 8.ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้เรียน 9.ร่วมมือกับผู้อื่นในสถานศึกษาอย่างสร้างสรรค์ 10.ร่วมมือกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ในชุมชน 11.แสวงหาและใช้ข้อมูลข่าวสารในการพัฒนา ประชากรที่ใช้ในการศึกษาคือปลัด อบต. ประธานสภา อบต. และประธานกรรมการบริหาร อบต. จำนวน 552 คน จาก 184 อบต. ผลการวิจัยพบว่า 1.ผู้บริหาร อบต. ทุกตำแหน่งทุกระดับการศึกษาและทุกอาชีพ มีความคิดเห็นว่าการปฏิบัติงานของครูอยู่ในระดับปานกลางและเมื่อเปรียบเทียบผู้บริหาร อบต. ที่มีตำแหน่งระดับการศึกษาและอาชีพที่ต่างกัน โดยรวมพบว่ามีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ 2.ผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบล อบต. ที่มีการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีเห็นว่าการปฏิบัติงานของครูอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าการปฏิบัติงานของครูอยู่ในระดับมาก 8 ด้าน และระดับปานกลาง 3 ด้าน คือ มุ่งมั่นพัฒนาผู้เรียนให้เต็มศักยภาพ พัฒนาสื่อการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ และจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยเน้นผลถาวรที่เกิดแก่ผู้เรียน 3.เมื่อจำแนกตามอาชีพโดยภาพรวมเห็นว่าการปฏิบัติงานของครูอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าอาชีพค้าขายเห็นว่าการปฏิบัติงานของครูอยู่ในระดับมาก 4 ด้าน คือ “ปฏิบัติกิจกรรมทางวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาวิชาชีพครูอยู่เสมอ” “ ตัดสินใจปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ โดยคำนึงถึงผลที่จะเกิดกับผู้เรียน” “ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้เรียน” และ “ร่วมมือกับผู้อื่นในสถานศึกษาอย่างสร้างสรรค์” และอาชีพรับจ้างมีความคิดเห็นต่อการปฏิบัติงานของครูอยู่ในระดับมาก 1 ด้าน คือ “ร่วมมือกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ในชุมชน”