Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมาย เพื่อศึกษาการมีส่วนร่วมขององค์การบริหารส่วนตำบลในการส่งเสริมการศึกษา ตามความคิดเห็นของสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล และเพื่อเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมขององค์การบริหารส่วนตำบลในการส่งเสริมการศึกษา ตามความคิดเห็นของสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล โดยจำแนกตาม สถานภาพตำแหน่ง อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ในด้านวิชาการ ด้านบริหารงานบุคคล ด้านบริหารงานทั่วไป และด้านบริหารงบประมาณ ประชากรได้แก่ สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล ในจังหวัดบุรีรัมย์ 184 แห่ง จำนวน 4,498 คน กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 367 คน ได้มาจากการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามตารางของทาโร ยามาเน (Taro Yamane) โดยทำการสุ่มแบบหลายขั้นตอน (Multi – Stage Sampling) คือ สุ่มอำเภอและสุ่มตำบล ด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) แล้วทำการสุ่มกลุ่มย่อย (Stratified Random Sampling) จำแนกตามสถานภาพตำแหน่งอย่างมีสัดส่วน จะได้กลุ่มตัวอย่างเป็น คณะกรรมการบริหารส่วนตำบล 41 คน และสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล 326 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสอบถามมี 3 ลักษณะ คือ แบบตรวจสอบรายการ แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ และแบบปลายเปิด แบบสอบถามมีค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 2.486 ถึง 10.212 และมีค่าความเชื่อมั่น 0.9827 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานโดยใช้ค่า t – test Independent การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One –Way Analysis of Variance) และเปรียบเทียบรายคู่ใช้วิธีของ เชฟเฟ่ (Scheffe’s Method) กำหนดค่าสถิติมีระดับนัยสำคัญที่ .05 ผลการวิจัยพบว่า 1. การมีส่วนร่วมขององค์การบริหารส่วนตำบลในการส่งเสริมการศึกษา ตามความคิด เห็นของสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล โดยภาพรวมพบว่าเห็นด้วยในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านวิชาการ ด้านบริหารงานบุคคล และด้านบริหารงานทั่วไป อยู่ในระดับปานกลาง ส่วนด้านบริหารงบประมาณ อยู่ในระดับน้อย โดยเรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยสูงสุดไปหาต่ำสุดดังนี้ ด้านบริหารงานทั่วไป ด้านบริหารงานบุคคล ด้านวิชาการ และด้านบริหาร งบประมาณ 2. การเปรียบเทียบความคิดเห็นของกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบล และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ต่อการมีส่วนร่วมขององค์การบริหารส่วนตำบลในการ ส่งเสริมการศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษา โดยภาพรวม มีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ .05 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านวิชาการ มีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 ส่วนด้านอื่น ๆ มีความคิดเห็นไม่แตกต่างกัน 3. การเปรียบเทียบความคิดเห็นของสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล ต่อการมีส่วนร่วมขององค์การบริหารส่วนตำบลในการส่งเสริมการศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษา จำแนกตามอายุระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ โดยภาพรวม มีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .01 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน โดยจำแนกตามอายุ พบว่า ด้านบริหารงานบุคคล ด้านบริหารงานทั่วไป และด้านบริหารงบประมาณ มีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 ส่วนด้านวิชาการ มีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .01 เมื่อจำแนกตามระดับการศึกษา พบว่า ด้านบริหารงบประมาณ มีความคิดเห็นไม่แตกต่างกัน ส่วนด้านอื่น ๆ มีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .01 เมื่อจำแนกตามอาชีพ พบว่า ด้านบริหารงบประมาณ มีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 ส่วนด้านอื่น ๆ มีความ คิดเห็นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .01 และเมื่อจำแนกตามรายได้ พบว่า ด้านบริหาร งบประมาณ มีความคิดเห็นไม่แตกต่างกัน ส่วนด้านอื่น ๆ มีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .01