Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาความต้องการจำเป็นของการดำเนินการประกันคุณภาพภายใน และเพื่อเปรียบเทียบสภาพการปฏิบัติงานการประกันคุณภาพภายในตามความคิดเห็นของผู้บริหารและครูผู้รับผิดชอบ ในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3 ที่จำแนกตาม ตำแหน่ง ประสบการณ์ และขนาดสถานศึกษา กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 206 คน ซึ่งได้จากตารางกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง และการสุ่มจากประชากรแบบแบ่งชั้นอย่างเป็นสัดส่วน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามจำนวน 2 ตอน ซึ่งมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .99 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน จัดเรียงลำดับความต้องการจำเป็น โดยดัชนีการจัดเรียงลำดับความต้องการจำเป็นที่ปรับปรุง การทดสอบสมมติฐานโดยใช้ค่าที และการทดสอบความแปรปวนทางเดียว การทดสอบรายคู่ด้วยวิธีการของเชฟเฟ่ ผลการวิจัยสำคัญสรุปได้ดังนี้ 1.ความต้องการจำเป็นในการดำเนินการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาในภาพรวม ตามความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า อยู่ในระดับมาก ด้านการดำเนินการการมีความต้องการจำเป็นลำดับที่ 1 ด้านการเตรียมการ และด้านการรายงาน มีความต้องการจำเป็นลำดับที่ 2 และ 3 ตามลำดับ 2.ผู้บริหารและครูผู้รับผิดชอบ มีความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพการปฏิบัติงานในปัจจุบันของการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา โดยรวม รายด้าน และรายข้อไม่แตกต่างกัน 3.ผู้บริหารและครูผู้รับผิดชอบ ทีมีประสบการณ์ การทำงานต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพการปฏิบัติงานในปัจจุบัน โดยรวม และรายด้าน ไม่แตกต่างกัน ยกเว้นรายข้อ เรื่องโรงเรียนให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับมาตรฐานในการประกันคุณภาพภายใน และโรงเรียนได้จัดทำรายงานการประเมินตนเองที่เที่ยงตรงเชื่อถือได้ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และเรื่องโรงเรียนมีการจัดระบบสารสนเทศที่เป็นปัจจุบัน มีการแต่งตั้งกรรมการกลางในการประสานงานการประกันคุณภาพภายใน แต่งตั้งคณะอนุกรรมการครอบคลุมทุกภารกิจการดำเนินงานประกันคุณภาพภายใน มีการระบุ บทบาทของบุคลากรในการดำเนินการประกันคุณภาพภายใน ได้กำหนดผู้รับผิดชอบแต่ละโครงการไว้อย่างชัดเจน ได้จัดทำรายงานการประเมินตนเองโดยใช้ผลสัมฤทธิ์ของสถานศึกษาที่เป็นจริงประกอบ รายงานการประเมินตนเองของโรงเรียนรองรับกับการประเมินภายนอก บุคลากรในโรงเรียนมีส่วนร่วมในการจัดทำรายงานการประเมินตนเองเป็นข้อมูลในการพัฒนาโรงเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4.ผู้บริหารและครูผู้รับผิดชอบ ที่ปฏิบัติงานอยู่ในสถานศึกษาขนาดต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวับสภาพการปฏิบัติงานในปัจจุบัน ของการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา โดยรวม รายด้าน ไม่แตกต่างกัน ยกเว้นรายข้อ เรื่องโรงเรียนให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับมาตรฐานในการประกันคุณภาพภายใน โรงเรียนได้จัดทำรายงานการประเมินตนเองที่เที่ยงตรงเชื่อถือได้ และได้นำเสนอผลการประเมินตนเองต่อบุคลากรในโรงเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 นอกจากนี้เรื่องโรงเรียนมีบุคลากรแกนนำเพื่อดำเนินงานประกันคุณภาพภายใน มีการจัดระบบสารสนเทศที่รองรับการประกันคุณภาพภายใน มีการวิเคราะห์ข้อมูลก่อนการวางแผนในการดำเนินงานประกันคุณภาพ มีการวิเคราะห์จัดเด่นจุดด้อยของงานก่อนการวางแผนในระยะต่อไป มีการวิเคราะห์ผลการประเมินตนเองตามมาตรฐานการศึกษา และรายงานการประเมินตนเองของโรงเรียนรองรับกับการประเมิณภายนอก แตกต่างกันอย่างมีนัย