Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1)ศึกษาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ เรื่องการแก้โจทย์ปัญหาทศนิยม เทคนิคการแก้ปัญหาของโพลยา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ตามเกณฑ์ 80/80 2)เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะ เรื่องการแก้โจทย์ปัญหาทศนิยม เทคนิคการแก้ปัญหาของโพลยา ก่อนและหลังเรียน และ 3)ศึกษาความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาทศนิยม เทคนิคการแก้โจทย์ปัญหาของโพลยา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2555 โรงเรียนบ้านหนองอาแมะ จำนวน 23 คน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์เขต 2 อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ได้มาจากการสุ่มตัวอย่างง่าย โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยงานในการสุ่มเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย แบบฝึกทักษะเรื่องการแก้โจทย์ปัญหาทศนิยม จำนวน 6 แบบฝึก แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการแก้โจทย์ปัญหาทศนิยม จำนวน 6 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 40 ข้อ เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานโดยใช้ Dependent Samples t-test ผลการวิจัยพบว่า 1. แบบฝึกทักษะ เรื่องการแก้โจทย์ปัญหาทศนิยม เทคนิคการแก้ปัญหาของโพลยา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 85.06/84.89 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 80/80 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะ เรื่องการแก้โจทย์ปัญหาทศนิยม เทคนิคการแก้ปัญหาของโพลยา หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะ เรื่องแก้โจทย์ปัญหาทศนิยม เทคนิคการแก้ปัญหาของโพลยา มีความคงทนในการเรียนรู้ หลังจากที่เรียนผ่านไปแล้ว 2 สัปดาห์