Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบคะแนนก่อนและหลังเรียนด้วยบทเรียนจังหวะภาษาอังกฤษ และ 2) ศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนจังหวะภาษาอังกฤษ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษานี้เป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2559 โรงเรียนบางกะปิจำนวน 30 คน ที่ได้มาจากการเลือกแบบสุ่ม โดยมีตัวแปรต้น คือ บทเรียนจังหวะเสียงภาษาอังกฤษ และตัวแปรตาม คือการพัฒนาด้านการออกเสียง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล ได้แก่ บทเรียนจังหวะเสียงภาษาอังกฤษ แบบทดสอบก่อนและหลังเรียน เกณฑ์การให้คะแนน และคำถามการสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ independent sample t-test จากการวิเคราะห์ พบว่า 1) นักเรียนมีการพัฒนาทักษะการออกเสียงระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 2) ประชากรนักเรียนส่วนใหญ่รู้สึกว่าบทเรียนจังหวะภาษาอังกฤษมีประโยชน์และมีส่วนช่วยในการพัฒนาทักษาการออกเสียงภาษาอังกฤษ นอกจากนั้น นักเรียนยังกล่าวอีกว่าบทเรียนสนุกสนาน และช่วยสร้างความมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ดี มีนักเรียนส่วนหนึ่งคิดว่าบทเรียนน่าเบื่อและยากเกินไป ประกาศสุดท้าย และผู้ที่สนใจต้องการพัฒนาทักษะการออกเสียงออกเสียงด้วย ข้อเสนอแนะสำหรับการทำวิจัยขั้นต่อไป คือ การศึกษาว่าการฝึกจังหวะเสียงด้วยประโยคปกติหรือเพลง มีความคล้ายคลึงกันหรือไม่ และเปรียบเทียบว่าวิธีใดช่วยให้นักเรียนพัฒนาการออกเสียงได้ดีกว่า และทั้ง 2 วิธี ส่งผลทัศนคติต่อการออกเสียงภาษาอังกฤษต่างกันหรือไม่