Abstract:
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถูประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาประสิทธิภาพของชุดการเรียนการสอนและกลวิธีการเรียนรู้แบบ STAD ในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านก่อนเรียนด้วยใช้กลวิธีการเรียนรู้แบบ STAD 3) ศึกษาดัชนีประสิทธิผล และ 4) สำรวจความพึงพอใจของนักเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนภัทรบพิตร จำนวน 32 คน ที่ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง โดยแบ่งเป็นนักเรียนที่มีความสามารถทางการอ่านภาษาอังกฤษในระดับสูง ระดับกลางและระดับต่ำคละกัน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ แผนการจัดการเรียน แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจำนวน 1 ฉบับ เป็นแบบทดสอบแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ แบบทดสอบวัดความพึงพอใจในการเรียน 1 ฉบับ จำนวน 12 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและDependent samples t-test โดยกำหนดค่าความมีนัยสำคัญทางสถิติระดับ .05 ผลการวิจัยพบว่า 1.ประสิทธิภาพของชุดการเรียนการสอนและกลวิธีการเรียนรู้แบบ STAD ในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ มีค่าเท่ากับ 88.47/82.39 2. นักเรียนที่เรียนโดยใช้กลวิธีการเรียนรู้แบบ STAD มีผลสัมฤทธิ์การเข้าใจในการเรียนภาษาอังกฤษหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. ดัชนีประสิทธิผลของชุดการเรียนการสอนและกลวิธีการเรียนรู้แบบ STAD ในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ คือ 70.35 % 4.ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกลวิธีการเรียนรู้แบบ STAD และใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 4.19 – 4.54 ซึ่งอยู่ในระดับมาก ถึงมากที่สุด และมีคะแนนเฉลี่ยรวมเท่ากับ 4.41 ซึ่งอยู่ในระดับดีมาก