Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมาย เพื่อการศึกษาและเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูเกี่ยวกับสภาพการจัดการศึกษาระดับปฐมวัยของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 2 ในกรอบของเนื้อหา 4 ด้าน ได้แก่ ด้านงานวิชาการ ด้านงานงบประมาณ ด้านการบริหารงานบุคคล และด้านการบริหารงานทั่วไป โดยจำแนกตามตัวแปรสถานภาพตำแหน่งและขนาดของโรงเรียน ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 223 คน และ ครู จำนวน 462 คน รวมทั้งสิ้น จำนวน 685 คน กลุ่มตัวอย่างได้จากการสุ่มจากประชากร โดยกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างตามตารางของเครจซี่และมอร์แกน ได้กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 144 คน และครู จำนวน 214 คน รวมทั้งสิ้น 358 คน แล้วทำการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถาม มี 3 ลักษณะ ได้แก่ แบบตรวจสอบรายการ แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ และแบบคำถามปลายเปิด มีค่าอาจจำแนก 1.78-5.86 และค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.907 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วยการทดสอบค่าที และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว เมื่อพบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยในแต่ละด้านจะเปรียบเทียบความแตกต่างเป็นรายคู่ ตามวิธีการของเชฟเฟ่ ผลการวิจัยพบว่า 1. ผู้บริหารสถานศึกษาและครูมีความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพการจัดการศึกษาระดับปฐมวัยทั้งโดยรวมและรายด้านทุกด้านอยู่ในระดับมาก โดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากสูงไปหาต่ำ ได้แก่ ด้านการบริหารงานบุคคล ด้านการบริหารงานทั่วไป ด้านงานงบประมาณ และด้านงานวิชาการ ตามลำดับ 2. ผู้บริหารสถานศึกษาและครูมีความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพการจัดการศึกษาระดับปฐมวัยของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 2 โดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านการบริหารงานบุคคล และด้านการบริหารงานทั่วไป แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ส่วนด้านอื่นๆ ไม่แตกต่างกัน 3. ผู้บริหารสถานศึกษาและครูที่ปฏิบัติงานในโรงเรียนที่มีขนาดต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพการจัดการศึกษาระดับปฐมวัยของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 2 โดยรวมและรายด้านทุกด้านไม่แตกต่างกัน 4. ผู้บริหารสถานศึกษาและครู ได้แสดงความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสภาพการจัดการศึกษาระดับปฐมวัยของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 2 ที่มีจำนวนมากที่สุดในแต่ละด้านได้แก่ ควรประสานความร่วมมือในการศึกษา มีการนำผลการวิจัยมาพัฒนาคุณภาพการศึกษาและเผยแพร่ผลงานกับสถานศึกษาและหน่วยงานอื่น ควรมีงบประมาณบริหารเพียงพอ การบริหารงบประมาณคล่องตัว เป็นอิสระตรวจสอบได้ ควรส่งเสริมให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับการยกย่อง เชิดชูเกียรติและมีความก้าวหน้าในวิชาชีพ และควรมีการจัดระบบงานธุรการ ใช้สื่อและเทคโนโลยีที่ทันสมัยและพัฒนาครูธุรการให้มีความรู้ ความสามารถ ปฏิบัติงานได้รวดเร็ว ถูกต้อง ทันเวลาและมีประสิทธิภาพ