Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายดังนี้ 1) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ เรื่องอัตราส่วนและร้อยละ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75 / 75 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะ และใช้กระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI 3) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการเรียนด้วยแบบทักษะ และใช้กระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะ และใช้กระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 โรงเรียนพลับพลาชัยพิทยาคม อำเภอพลับพลาชัย จังหวัดบุรีรัมย์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557 จำนวน 32 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช่ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบฝึกทักษะ เรื่องอัตราส่วนและร้อยละ จำนวน 4 ชุด 2) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 18 แผน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าความยากง่าย (P) ระหว่าง 0.39 ถึง 0.77 ค่าอำนาจจำแนกรายข้อ (B) ระหว่าง 0.29 ถึง 0.61 และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ เท่ากับ 0.91 และ 4) แบบทดสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน E1 / E2 และ E.I. และทดสอบสมมติฐานโดยใช้ Department Samples t – test ผลการวิจัยพบว่า 1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ เรื่องอัตราส่วนและร้อยละ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมีเทคนิค TAI สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพ 84.38 / 81.56 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 75 / 75 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะ สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. ดัชนีประสิทธิผลของการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะ มีค่าเท่ากับ 0.6873 หมายความว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 68.73 4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะ และใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ ร่วมมือเทคนิค TAI โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
