Abstract:
การวิจัยครั้งนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาและเปรียบเทียบพฤติกรรมการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษาในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เขต 32 จำแนกตาม สถานภาพตำแหน่ง และขนาดของโรงเรียน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหาร จำนวน 111 คน และครูผู้สอนจำนวน 343 คน ได้กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างตามตารางของเครจซีและมอร์แกน
แล้วทำการสุ่มแบบแบ่งชั้น โดยแบ่งโรงเรียนมัธยมศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเขต 32 ในแต่ละอำเภอออกเป็นกลุ่มย่อยตามขนาดของโรงเรียน คือ ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยลักษณะแบ่งชั้น จำแนกประชากรในแต่ละขนาดโรงเรียนออกเป็น 2 กลุ่มย่อย คือ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนเป็นกลุ่มย่อยแบบแบ่งชั้น แล้วทำการสุ่มผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนให้กระจายไปตามอำเภอและขนาดของโรงเรียนตามสัดส่วนด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นแบบสอบถาม มี 3 ตอน คือ แบบตรวจสอบรายการ แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ และแบบปลายเปิด มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.974สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ยร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบสมมติฐาน
ใช้การทดสอบค่าที และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว ผลการวิจัยพบว่า
1. ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษาในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการร่วมมือ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา คือ ด้านการประนีประนอม ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านการเอาชนะ
2. ความคิดเห็นของครูผู้สอนเกี่ยวกับพฤติกรรมการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษาในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการร่วมมือ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา คือ ด้านการประนีประนอม ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านการหลีกเลี่ยง
3. ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนเกี่ยวกับพฤติกรรมการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษาในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 จำแนกตามสถานภาพตำแหน่งโดยรวมและรายด้านทุกด้านแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนเกี่ยวกับพฤติกรรมการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษาในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 จำแนกตามขนาดของโรงเรียน พบว่า โดยรวมไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน
ด้านการเอาชนะและด้านการหลีกเลี่ยง แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05และ .01 ตามลำดับส่วนด้านอื่น ๆ ไม่แตกต่างกัน
5. ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนเกี่ยวกับ
พฤติกรรมการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษาในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเขต 32 พบว่า
5.1 ด้านการเอาชนะความคิดเห็นที่มีจำนวนมากที่สุดคือ ผู้บริหารมีความมั่นใจและเชื่อมั่นในวิธีการของตนเอง รองลงมาคือ ผู้บริหารไม่ควรใช้อำนาจข่มขู่เพื่อเอาชนะผู้อื่น
5.2 ด้านการร่วมมือ ข้อที่มีจำนวนมากที่สุด คือ ผู้บริหารขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายให้ช่วยแก้ไขปัญหารองลงมาคือ ผู้บริหารเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายร่วมแสดงความคิดเห็นในการปฏิบัติงาน
5.3 ด้านการประนีประนอม ความคิดเห็นที่มีจำนวนมากที่สุดคือ ผู้บริหารทำหน้าที่เป็นคนกลางในการประนีประนอม รองลงมาคือ ผู้บริหารสร้างความเป็นธรรมเพื่อให้เกิดความพึงพอใจทั้งสองฝ่าย
5.4 ด้านการหลีกเลี่ยง ความคิดเห็นที่มีจำนวนมากที่สุดคือ ผู้บริหารจะหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่จะทำให้เกิดปัญหารองลงมาคือ ผู้บริหารหลีกเลี่ยงที่จะรับรู้ปัญหาความขัดแย้ง
5.5 ด้านการยอมให้ ความคิดเห็นที่มีจำนวนมากที่สุดคือ ผู้บริหารจะต้องเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อประโยชน์ส่วนรวม รองลงมาคือ ผู้บริหารจะยอมให้ในกรณีที่ตนเองและโรงเรียนไม่เสียประโยชน์