Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาการดำเนินงานการประกันคุณภาพภายใน สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3 ตามความคิดเห็นของบุคลากรใน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านคุณภาพผู้เรียน ด้านการเรียนการสอน ด้านการบริหารและการจัดการศึกษา และด้านการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ เพื่อเปรียบเทียบ การดำเนินงาน การประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานทั้ง 4 ด้าน จำแนกตาม สถานภาพตำแหน่งและขนาดโรงเรียน และเพื่อรวบรวมปัญหาและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง กลุ่มตัวอย่างเป็นบุคลากร 340 คน ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 34 คน และครูผู้สอน 306 คน ซึ่งได้มาโดยตารางกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามตารางของเครจซี และมอร์แกน และการสุ่มแบบง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถาม ที่ผู้วิจัยได้สร้างขึ้นและมีค่าความเชื่อมั่น 0.8987 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที การทดสอบค่าเอฟ และวิธีการของ เชฟเฟ ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. การดำเนินงานการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงาน การประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3 ตามความคิดเห็นของบุคลากร โดยรวมและเกือบทุกด้านอยู่ใน ระดับมาก ยกเว้นด้านคุณภาพผู้เรียนอยู่ในระดับมากที่สุด 2. การดำเนินงานการประคุณภาพภายในสถานขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงาน การประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3 ตามความคิดเห็นของบุคลากรที่มีตำแหน่งเป็นผู้บริหาร และครูผู้สอนในโรงเรียนขนาดเล็ก โรงเรียนขนาดกลาง และโรงเรียนขนาดใหญ่โดยรวม และเกือบทุกด้ายอยู่ในระดับมาก ยกเว้นด้านคุณภาพผู้เรียนอยู่ในระดับมากที่สุด 3. การดำเนินงานการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงาน การประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3ตามความคิดเห็นของบุคลากรที่มีตำแหน่งต่างกันและประสบการณ์ ต่างกันโดยรวมและรายด้านไม่ต่างกัน 4. ปัญหาสำคัญในการดำเนินงานการประกันคุณภาพภายในสถานขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3 ตามความคิดเห็นของบุคลากรได้แก่ พัฒนาการ ด้านการออกเสียงไม่ชัดเจนเนื่องจากติดภาษาถิ่น เทคโนโลยีการเรียนการสอนไม่เพียงพอต่อ จำนวนนักเรียน งบประมาณไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สะดวกในการบริหารจัดการ และขาดการพัฒนา ชุมชนแห่งการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องทำให้แหล่งเรียนรู้ภายในโรงเรียนไม่เพียงพอ และมีข้อเสนอแนะ ที่สำคัญ ได้แก่ ควรมีการส่งเสริมนักเรียนใช้ทรัพยากรให้เกิดความคุ้มค่า ต้องการให้รัฐบาลเห็น ความสำคัญของเทคโนโลยีในการเรียนการสอน โดยการจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอต่อ ความต้องการ ควรใช้หลักในการบริหารงานที่เป็นธรรมและถูกต้อง และควรมีการกระจาย เครือข่ายศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นทุกหมู่บ้าน ควรมีการเพิ่มกำลังบุคลากรและพัฒนาตนเอง