สมรรถนะผู้บริหารศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจในสถาบันอุดมศึกษาไทย

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาองค์ประกอบสมรรถนะที่จำเป็นเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของผู้บริหารศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจในสถาบันอุดมศึกษาไทย 2) เพื่อสร้างคู่มือประเมินสมรรถนะ และ 3)เพื่อตรวจสอบความเป็นไปได้ของคู่มือการประเมินสมรรถนะโดยใช้วิธีการวิจัยแบบผสมผสาน ประกอบด้วยวิธีการวิจัยเชิงปริมาณและวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพการ วิจัยเชิงปริมาณและสถิติพรรณนา ได้แก่ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1 )ผู้อำนวยการศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ 2) รองผู้อำนวยการศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ 3) คณะกรรมการศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ 4) รองผู้จัดการศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ 5) เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจในสถาบันอุดมศึกษาไทยที่จัดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547-2556 จำนวน 63 ศูนย์ ใช้วิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะ( Purposive Sampling) จากศูนย์ละ 10 คน รวม 630 คน ตรวจการวิจัยเชิงคุณภาพใช้วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ทรงคุณวุฒิที่มีส่วนเกี่ยวข้องในระดับนโยบายของศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจในสถาบันอุดมศึกษาไทยจำนวน 5 คน และใช้วิธีการสนทนากลุ่มผู้บริหารศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจเครือข่ายภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างจำนวน 8 คน การเก็บข้อมูลใช้แบบสอบถามตามแบบลิเคิท (Likert) มาตรวัด 5 ระดับ ผลการวิจัยพบว่า 1) สมรรถนะของผู้บริหารศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจในสถาบันอุดมศึกษาไทย ประกอบด้วย 4 สมรรถนะหลัก คือ 1) สมรรถนะด้านการบริหารจัดการ 2)สมรรถนะด้านความรู้ 3)สมรรถนะด้านคุณลักษณะภาวะผู้นำ 4 )สมรรถนะด้านทักษะหรือเทคนิค สมรรถนะหลักแต่ละด้านประกอบด้วย 10 ข้อย่อย 2) คู่มือการประเมินสมรรถนะผู้บริหารศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจในสถาบันอุดมศึกษาไทย ได้องค์ประกอบคู่มือ 7 ข้อ คือ (1) วัตถุประสงค์การประเมิน (2) คุณลักษณะที่ใช้ในการประเมิน (3) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน (4) กระบวนการในการประเมิน (5) บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประเมิน (6) เกณฑ์สมรรถนะที่ใช้ในการประเมิน และ (7) ช่วงเวลาและความถี่ในการประเมิน และ (3) คู่มือการประเมินสมรรถนะในการปฏิบัติงานของผู้บริหารศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจในสถาบันอุดมศึกษาไทย โดยภาพรวมทั้งหมดมีความเป็นไปได้ในการนำคู่มือไปใช้อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายองค์ประกอบพบว่า เนื้อหามีความเป็นไปได้ในการนำไปใช้อยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนด้านการประเมินผล ด้านโครงสร้างคู่มือและด้านวัตถุประสงค์มีความเป็นไปได้ในการนำไปใช้อยู่ในระดับมาก