Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) สร้างและพัฒนาแบบฝึกทักษะ เรื่องสมการและการแก้สมการกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่6โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TA I ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) เปรียบเทียบผลสมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะ เรื่องสมการและการแก้สมการ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่6 โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคT A I และ 3)ศึกษาความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่6 ที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะเรื่องสมการและการแก้สมการกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่6 โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค T A I กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่6โรงเรียนบ้านแดง(สหราษฎร์วิทยา) ตำบลพุทไธสง อำเภอ พุทไธสง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์เขต4ที่เรียนในภาคเรียนที่1ปีการศึกษา2558จำนวน20 คน ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย ( simple Random sampling ) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม ด้วยวิธีจับฉลาก เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ 3 ชนิด ได้แก่แบบฝึกทักษะเรื่องสมการและการแก้สมการจำนวน 13 เล่ม แผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์เรื่องสมการและการแก้สมการจำนวน13แผนเวลา16 ชั่วโมงแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ4ตัวเลือกจำนวน1ฉบับ30ข้อซึ่งมีค่าความยากรายข้อตั้งแต่ 38-79 มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ ตั้งแต่38-79 และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ8234 สถิติใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ร้อยละค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตฐานและทดการสอบสมมุติฐานใช้ dependent sample t-test และ one sample t-test ผลการวิจัยพบว่า1 แบบฝึกทักษะเรื่องสมการและการแก้สมการ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่6โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค T A I มีประสิทธิภาพเท่ากับ82.92/80.17 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์75/75 ที่ตั่งไว้ 2 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะเรื่องสมการและการแก้สมการ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค T A I สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3 นักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะเรื่องสมการและการแก้สมการ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่6 โดยการเรียนรู้แบบมือเทคนิค T A I มีความคงทนในการเรียนรู้ โดยคะแนนผลสมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนไม่แตกต่างกัน
