Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษากับการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 และเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษากับการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ ครูในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 จำนวน 346 คน ซึ่งได้มาโดยการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามตารางสำเร็จรูปของเครจซี่และมอร์แกน จากนั้นทำการสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น โดยแบ่งเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่ แบบสอบถามตรวจสอบรายการและแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า ซึ่งแบบสอบถามเกี่ยวกับภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษา มีค่าความเชื่อมั่น .970 และการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู มีค่าความเชื่อมั่น 0965 การวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน
ผลการวิจัยพบว่า
1. ภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 โดยรวมอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าอยู่ในระดับมากทุกด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ รองลงมาคือ ด้านระบบการประกันคุณภาพภายใน ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
2. การส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 โดยรวมอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าด้านนโยบายและแผนการส่งเสริมการดำเนินงานวิจัยในโรงเรียนและด้านการเผยแพร่ผลงานวิจัยอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนด้านอื่นอยู่ในระดับมาก ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ด้านการกำกับติดตามการดำเนินงานวิจัยอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง รองลงมาคือ ด้านการสร้างแรงจูงใจในการทำวิจัยในชั้นเรียน ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านการเผยแพร่ผลงานวิจัย
3. ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะอื่นๆ เกี่ยวกับภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 ที่มีจำนวนมากที่สุดคือ ผู้บริหารควรกำหนดนโยบายและส่งเสริมพัฒนาครูให้มีความรู้เพื่อปฏิบัติการวิจัย คอยควบคุม ติดตาม แนะนำการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียนอย่างต่อเนื่อง พร้อมเชิดชูและให้กำลังใจครูในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้อยู่เสมอ รองลงมาคือ ผู้บริหารควรเปิดโอกาสให้ครูได้มีมีส่วนร่วมในการกำหนดและวางแผนการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพทางวิชาการอย่างรอบด้าน และเปิดโอกาสให้ครูได้ใช้ความรู้ ความสามารถของตนเองในการพัฒนาวิชกการเต็มศักยภาพ
4. ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษากับการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 พบว่า โดยรวมมีความสัมพันธ์ทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งมีความสัมพันธ์อยู่ในระดับสูงมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่ามีความสัมพันธ์ทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ทุกด้าน โดยด้านที่มีความสัมพันธ์มากที่สุด คือ ภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาด้านการพัฒนาสื่อและเทคโนโลยีการเรียนรู้ และการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียน ด้านการจัดหาทรัพยากรและแหล่งเรียนรู้ มีความสัมพันธ์ระดับสูงมาก รองลงมาคือภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาด้านระบบการประกันคุณภาพภายในและการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนด้านการสร้างแรงจูงใจในชั้นเรียน มีความสัมพันธ์กันในระดับสูงมาก ส่วนด้านที่ต่ำสุด คือภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาด้านพัฒนาสื่อและเทคโนโลยีการเรียนรู้และการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนด้านการเผยแพร่ผลงานวิจัย มีความสัมพันธ์กันในระดับน้อยมาก และภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาด้านกระบวนการวัดประเมินผลและการวิจัยและการการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนด้านการสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับงานวิจัยในชั้นเรียนมีความสัมพันธ์กันในระดับน้อยมาก