งานวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย 1) เพื่อพัฒนากิจกรรมเพลงที่ส่งเสริมความสามารถในการฟัง-พูดภาษาอังกฤษและความรู้คำศัพท์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ตามเกณฑ์ 75/75 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการเรียนด้วยกิจกรรมเพลงเพื่อส่งเสริมความสามารถในการฟัง-พูดภาษาอังกฤษและความรู้คำศัพท์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 3) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการฟัง-พูดภาษาอังกฤษของนักเรียนระหว่างก่อนและหลังการเรียนโดยใช้กิจกรรมเพลงเพื่อส่งเสริมความสามารถในการฟัง-พูดภาษาอังกฤษและความรู้คำศัพท์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 4) เพื่อเปรียบเทียบความรู้ด้านคำศัพท์ของนักเรียนระหว่างก่อนและหลังการเรียนโดยใช้กิจกรรมเพลงเพื่อส่งเสริมความสามารถในการฟัง-พูดภาษาอังกฤษและความรู้คำศัพท์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 5) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยกิจกรรมเพลงเพื่อส่งเสริมความสามารถในการฟัง-พูดภาษาอังกฤษและความรู้คำศัพท์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้คือนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนอนุบาลธีราจำนวน 1 ห้องเรียนจำนวนนักเรียน 32 คนซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่มโดยกำหนดห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่มเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้กิจกรรมเพลงจำนวน 8 แผนการจัดการเรียนรู้ 2) กิจกรรมเพลงประกอบการสอนจำนวน 8 เพลง 3) แบบทดสอบความสามารถด้านทักษะการฟัง-พูดภาษาอังกฤษชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 4) แบบทดสอบความรู้ด้านคำศัพท์ภาษาอังกฤษชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมเพลงเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่าจำนวน 1 ฉบับจำนวน 25 ข้อสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือร้อยละค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบสมมติฐานด้วย t-test แบบไม่เป็นอิสระต่อกัน
ผลการวิจัยปรากฏดังนี้.
1.แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้กิจกรรมเพลงชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 82. 49/82. 66
2. ดัชนีประสิทธิผลของการเรียนด้วยกิจกรรมเพลงเพื่อส่งเสริมความสามารถในการฟัง-พูดภาษาอังกฤษและความรู้คำศัพท์ของนักเรียนชั้นประถม
ศึกษาปีที่ 2 มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0. 64. 59 นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 64. 59
3. นักเรียนมีความสามารถด้านทักษะการฟัง-พูดภาษาอังกฤษหลังเรียนด้วยกิจกรรมเพลงสูงกว่าก่อนเรียน
4. นักเรียนมีความรู้ด้านคำศัพท์ภาษาอังกฤษหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ. 01 5. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยกิจกรรมเพลงอยู่ในระดับมากที่สุด
The purposes of this research were 1) to develop song activity for promoting speaking listening ability and vocabulary knowledge to meet efficiency criteria set at 75/75; 2) to study the effectiveness index of grade 2 students learning by using song activity; 3) to compare the Speaking-listening ability of grade 2 students before and after learning by using song activity: 4) to compare the students vocabulary knowledge of grade 2 students before and after learning by using song activity; 5) to study the satisfaction of grade 2 students towards learning by using song activity. The samples were 32 Prathomsuksa 2 students at Theera School, selected by using cluster random sampling. The instruments used in this study were 1) 8 lesson plans using song activities; 2) 8 song activities; 3) listening-speaking ability test; 4) a vocabulary knowledge test; 5) the questionnaires for measuring the satisfaction of students learning by using song activities The data were analyzed by using means, standard deviation, and dependent samples t-test.
The research results revealed as follows:
1. The lesson plans song activities of grade 2 students had the efficiency of 82. 49/82 2. The lesson plans with song activities for grade 2 students had the effectiveness in at 0. 6459 or 64. 59 percent of learning progress.
3. The students 'listening – speaking skills after learning were higher than before learning.
4. The students 'vocabulary knowledge after learning were higher than before learning at the. 01 level of statistical significance.
5. The satisfaction of grade 2 students towards learning with song activities was at the highest level.
