การวิจัยครั้งนี้ มีความมุ่งหมาย 1) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่องการอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนของนักเรียนด้านหลังเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ โดยทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้การสร้างทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองสำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนโพนงามพิทยานุกูล อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 จำนวน 30 คน ได้มาโดยสุ่มอย่างง่ายโดยวิธีจับฉลาก เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน โดยใช้ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 7 แผน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น จำนวน 1 ฉบับ มีค่าความยากตั้งแต่ ค่าอำนาจจำแนก ตั้งแต่ 0.27 – 0.60 และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.852 และ 4) แบบสอบถมความพึงพอใจของนักเรียนเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับจำนวน 16 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน E1/E2 ดัชนีประสิทธิผล และทดสอบสมมติฐานการวิจัย โดยใช้ Dependent Samples t-test ผลการวิจัย พบว่า
1. บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 81.05/83.44 ซึ่งผ่านเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. บทเรียนเรื่องคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง การสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยใช้ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีดัชนีประมิทธิผลเท่ากับ .6518 แสดงว่านักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น .6518 หรือคิดเป็นร้อยละ 65.18
3. นักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ โยใช้ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
The purposes of thisresearch were: 1) to study efficiency of the computer – assisted instruction on critical reading by using constructivism theory for Matthayomsuksa 3 students to meet the criteria set 80/80 ; 2) to computer the learning achievement of students between before and after learning by using the the computer - assisted instruction on critical reading by using constructivism theory for Matthayomsuksa 3 students; 3) to investigate the effectiveness index of the learning by usingthe computer – assisted instruction on critical reading by using constructivism theory for Matthayomsuksa 3 students ; and 4) to study satisfactionof studnts towards leaning by using computer – assisted instruction on critical reading by using constructivism theory for Matthayomsuksa 3 students. The samples of this study were Matthayomsuksa 3 students in first semester, 2015 fromPhonngampittayanukool School PhonNgam Sub – district, KosumPhisai district, Mahasarakham province. The Secondary Education Service Area Office 26. The sample were 30 people using Sample Random Sampling by Lottery. The research instruments consisted of : 1) A set of the computer assisted instruction by constructivism theory for Matthayomsuksa 3 students; 2) 7 lesson plans on critical reading by constructivism theory for Matthayomsuksa 3 students; 3) a 30 –item achievement test with 4 multiple – choice the computer – assisted instruction on critical reading by using constructivism theory for Matthayomsuksa 3 students with the difficulty between 0.27 to 0.60, and the reliability of 0.852 ; 4) a 16 items with 5 –rating scale questionnaire asking the students’ satisfaction. The statistics used to analyze the data were percentage, standard deviation, E1/E2, and E.I. The hypotheses was tested by Dependent Sample t-test.
The results were as follows:
1. The efficiency of the computer – assisted instruction on critical reading by using constructivism theory for Matthayomsuksa 3 students was 81.05/83.44 which was higher than the criteria set at 80/80.
2. The effectiveness index of learning by using the computer – assisted instruction on critical reading by using constructivism theory for Matthayomsuksa 3 students was 0.6518 which revealed that the students’ learning achievement increased 65%.
3. The student leaning achievement after learning by using computer – assisted instruction on critical reading using constructivism theory for matthayomsuksa 3 students was higher than before learning at the significant difference level of .05
4. The Satisfaction of student towards learning byusing computer – assisted instruction on critical reading using constructivism theory for Matthayomsuksa 3 studentsas a whole was at a high level.
