การศึกษาครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1) ทดสอบประสิทธิภาพของเทคนิคการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อนในการสอนการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75 / 75 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อนก่อนเรียนและหลังเรียน และ 3) เพื่อศึกษาระดับความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อจัดการเรียนการสอนการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 40 คน ซึ่งเรียนวิชาภาษาอังกฤษอ่านเขียน (อ22202) ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนโนนสุวรรณพิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 จังหวัดบุรีรัมย์ ได้มาโดยการสุ่มแบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ Dependent Samples t-test โดยกำหนดค่านัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผลการศึกษาพบว่า 1. เทคนิคการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน ในการสอนการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ มีประสิทธิภาพ 76.13 / 76.33 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด คือ 75 / 75 2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด
การศึกษาครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1) ทดสอบประสิทธิภาพของเทคนิคการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อนในการสอนการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75 / 75 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อนก่อนเรียนและหลังเรียน และ 3) เพื่อศึกษาระดับความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อจัดการเรียนการสอนการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 40 คน ซึ่งเรียนวิชาภาษาอังกฤษอ่านเขียน (อ22202) ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนโนนสุวรรณพิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 จังหวัดบุรีรัมย์ ได้มาโดยการสุ่มแบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ Dependent Samples t-test โดยกำหนดค่านัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผลการศึกษาพบว่า 1. เทคนิคการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน ในการสอนการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ มีประสิทธิภาพ 76.13 / 76.33 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด คือ 75 / 75 2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด
