บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหาร สถานศึกษาและครูเกี่ยวกับปัญหาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารงานงบประมาณ ของ โรงเรียน สังกัดส้านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 จ้าแนกตามสถานภาพ ต้าแหน่ง และประสบการณ์ปฏิบัติงาน และศึกษาแนวทางการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการ บริหารงานงบประมาณ ประชากรที่ใช้ในการวิจัยคือผู้บริหารสถานศึกษาและครูสังกัดส้านักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 กลุ่มตัวอย่างคือผู้บริหารและครู จ้านวน 486 คน โดยใช้ วิธีการสุ่มแบบชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการ วิเคราะห์ข้อมูลคือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและทดสอบสมมติฐานโดย การวิเคราะห์ Independent t - test และ F – test และทดสอบความแตกต่างรายคู่ตามวิธีการของวิธีของเชฟเฟ่ (Scheffe') ก้าหนดค่าสถิติที่ระดับนัยส้าคัญ .05 ผลการวิจัยพบว่า 1) ความคิดเห็นของผู้บริหาร สถานศึกษาและครู โดยรวมมีปัญหาอยู่ในระดับมาก (X= 3.53) ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ด้าน บริหารการบัญชี (X=3.70) 2) ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครู จ้าแนกตามสถานภาพต้าแหน่ง โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน จ้าแนกตามประสบการณ์ ปฏิบัติงานของผู้บริหารสถานศึกษาโดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกันและจ้าแนกตามประสบการณ์ ปฏิบัติงานของครูโดยรวมและรายด้านแตกต่างกันอย่างมีนัยส้าคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เมื่อทดสอบ รายคู่พบว่าผู้มีประสบการณ์ปฏิบัติงานน้อยกว่า 5 ปีกับประสบการณ์ปฏิบัติงานมากกว่า 10 ปี มี ความคิดเห็นแตกต่างกัน 3) แนวทางการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารงานงบประมาณพบว่า 3.1) ด้านการจัดท้าเสนอของบประมาณควรมีการอบรมครูให้มีทักษะการใช้งานคอมพิวเตอร์เพื่อให้มี ความรู้ความช้านาญ และมีการเปิดให้แสดงความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ 3.2) ด้านการตรวจสอบติดตาม ประเมินผลและรายงานผลการใช้เงินและผลการด้าเนินงาน ควรมีการตรวจสอบติดตามผ่านระบบการ ตรวจสอบโดยใช้เว็บไซต์3.3) ด้านการบริหารการเงินควรมีการบริหารงานการเงินโดยใช้ระบบการ บริหารการเงินภาครัฐ 3.4) ด้านการบริหารบัญชีควรมีการจัดท้าบัญชีผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ คอมพิวเตอร์ มีการรายงานต่อบุคลากรในสถานศึกษา ด้านการบริหารพัสดุและสินทรัพย์ควรมีการ อบรมเจ้าหน้าที่ในการใช้โปรแกรมจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ