สภาพที่เป็นจริงและความคาดหวังของครูต่อภาวะผู้นำของผู้บริหารโรงเรียนเอกชน ด้านการเสริมสร้างพลังอำนาจในการทำงาน

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาสภาพที่เป็นจริงและความคาดหวังของครูต่อภาวะผู้นำของผู้บริหารโรงเรียนเอกชน ดานการเสริมสร้างพลังอำนาจในการทำงาน และ 2)เปรียบเทียบสภาพที่เป็นจริงและความคาดหวังของครูต่อภาวะผู้นำของผู้บริหารโรงเรียนเอกชนด้านการเสริมสร้างพลังอำนาจในการทำงาน จำแนกตามประสบการณ์ในการทำงานและลักษณะของโรงเรียน ตามแนวคิดการเสริมสร้างพลังอำนาจของเทรซี (Tracy) 10 ด้าน คือ ด้านการให้ความรับผิดขอบ ด้านการมอบอำนาจหน้าที่ ด้านการกำหนดมาตรฐานแห่งความเป็นเลิศ ด้านการฝึกอบรมและพัฒนา ด้านการให้ความรู้และสารสนเทศ ด้านการให้ข้อมูลย้อนกลับด้านการให้การยอกย่องยอมรับด้านการให้ความไว้วางใจ ด้านการยอมรับข้อผิดพลาด และด้านการให้เกียรติ ประชากร เป็นครูโรงเรียนเอกชน จำนวน 205 คนใช้ศึกษาจากกลุ่มประชากรทั้งหมด เครื่องมือ ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่น .9542 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบสมมติฐานใช้ค่า Independent Samples t-test และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว(One-Way ANOVA) โดยกำหนดค่าสถิติที่ระดับนัยสำคัญ .05 ผลการวิจัยพบว่า 1.การศึกษาสภาพที่เป็นจริงและความคาดหวังของครูต่อภาวะผู้นำของผู้บริหารโรงเรียนเอกชนดานการเสริมสร้างพลังอำนาจในการทำงาน โดยรวมและรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับปานกลางและอยู่ในระดับมากตามลำดับ 2.ผลการเปรียบเทียบสภาพที่เป็นจริงและความคาดหวังของครูต่อภาวะผู้นำของผู้บริหารโรงเรียนเอกชน ด้านการเสริมสร้างพลังอำนาจในการทำงาน 2.1จำแนกตามประสบการณ์ในการทำงานโดยรวมพบว่า มีสภาพที่เป็นจริงไม่แตกต่างกัน และเมือพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการกำหนดมาตรฐานแห่งความเป็นเลิศมีสภาพที่เป็นจริงแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนด้านอื่นๆไม่แตกต่างกันและผลการเปรียบเทียบความคาดหวังของครูต่อภาวะผู้นำของผู้บริหารโรงเรียนเอกชน โดยรวมพบว่ามีความคาดหวังแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าด้านการให้ความรู้และสารสนเทศ มีความคาดหวังแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนด้านอื่นๆไม่แตกต่างกัน 2.2จำแนกตามลักษณะโรงเรียนโดยรวมพบว่า มีสภาพที่เป็นจริงไม่แตกต่างกัน และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าด้านการให้ความรับผิดชอบ และด้านการยอมรับข้อผิดพลาด มีสภาพที่เป็นจริงแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ด้านการให้ข้อมูลย้อนกลับและด้านการให้การยกย่องยอมรับ มีสภาพที่เป็นจริงแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ส่วนด้านอื่นๆไม่แตกต่างกัน และผลการเปรียบเทียบความคาดหวังของครูต่อภาวะผู้นำของผู้บริหารโรงเรียนเอกชนโดยรวมพบว่า มีความคาดหวังแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการกำหนดมาตรฐานแห่งความเป็นเลิศ ด้านการยกย่องยอมรับ และด้านการให้ความไว้วางใจ มีความคาดหวังแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ด้านการให้ความรับผิดชอบ ด้านการมอบอำนาจหน้าที่ ด้านการให้ความรู้และสารสนเทศ ด้านการให้ข้อมูลย้อนกลับ และด้านการให้เกียรติมีความคาดหวังแตกต่างกันอย่างมีนัยความสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ส่วนด้านอื่นๆ ไม่แตกต่างกัน 3.ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสภาพที่เป็นจริงและความคาดหวังของครูต่อภาวะผู้นำของผู้บริหารโรงเรียนเอกชน พบว่า ผู้บริหารไม่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาบุคลากร การมอบหมายงานให้บุคลากร การมอบหมายงานให้บุคลากรปฏิบัติไม่ตรงกับความสามารถและความถนัด และขาดการดูแลในเรื่องของสวัสดิการต่างๆและระบบสารสนเทศไม่ทันสมัยทำให้ได้รับข้อมูลข่าวสารค่อนข้างล่าช้า ดังนั้น ผู้บริหารควรให้ได้รับอบรมศึกษาเพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสมารถและมอบหมายงานให้ตรงกับความถนัด ความสนใจ ควรดูแลเรื่องสวัสดิการและปรับปรุงระบบสารสนเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น