Abstract:
จากงานวิจัยเรื่องการสารวจความหลากหลายทางชีวภาพของเห็ดพื้นบ้านที่รับประทานได้ใน
เขตวนอุทยานภูเขาไฟกระโดง ของ เทพอัปสรและคณะ (2558) พบว่าที่วนอุทยานภูเขาไฟกระโดงมี
เห็ดพื้นบ้านรับประทานได้หลากหลายสายพันธุ์ จึงทาให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ทั้งในพื้นที่และต่างพื้นที่
เข้ามาเก็บเพื่อการบริโภคและจาหน่าย โดยการนาเห็ดมารับประทานนั้นเพื่อเป็นแหล่งโปรตีน และ
เป็นยาสมุนไพร ซึ่งการใช้เห็ดพื้นบ้านเป็นยาสมุนไพรนั้นมีสืบทอดกันมาอย่างช้านาน ไม่ว่าจะเป็นใน
ประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีหรือแม้แต่ในประเทศไทยเอง เห็ดที่นิยมนามาใช้เป็นสมุนไพรได้แก่ เห็ดหอม
เห็ดฟาง เห็ดแครง เป็นต้น สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพของเห็ดส่วนใหญ่ถูกนามาใช้ในการช่วยเสริมและ
เพิ่มระดับภูมิคุ้มกันของร่างกายช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้หรือป้องกันโรคได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งปัจจุบัน
พบว่าเกิดการดื้อยาปฏิชีวนะของแบคทีเรียที่เป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกในขณะนี้
ดังนั้นงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิธีการสกัดสารสกัดทางชีวภาพจากเห็ดป่าบางชนิดในเขตวน
อุทยานภูเขาไฟกระโดงด้วยตัวทาละลายต่างๆ ได้แก่ เอทานอล น้าอุณหภูมิห้อง และน้าร้อนที่
อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส และเพื่อศึกษาฤทธิ์ทางชีวภาพของสารสกัดจากเห็ดป่าทั้ง 3 ชนิด คือ
เห็ดระโงกขาว เห็ดน้าหมาก และเห็ดเผาะ พบว่าสารสกัดที่สกัดได้จากเห็ดป่านี้มีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อ
จุลินทรีย์ที่นามาใช้ในการทดสอบออกเป็น 3 กลุ่มดังนี้คือ 1) กลุ่มแบคทีเรียแกรมบวก (B. cereus, S.
aureus) 2) กลุ่มแบคทีเรียแกรมลบ (E. coli) และ 3) กลุ่มยีสต์ (C. albicans) พบว่าสารสกัดหยาบ
ของเห็ดแบบสดและแบบแห้งนั้นมีผลการยับยั้งการเจริญของเชื้อเป็นไปในแนวทางเดียวกัน โดยพบว่า
สารสกัดหยาบจากเห็ดระโงกขาในสารละลายเอทานอลสามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อในลุ่ม
แบคทีเรียแกรมบวก (B. cereus, S. aureus) ได้ดีที่สุด ส่วนสารสกัดหยาบจากเห็ดน้าหมากในตัวทา
ละลายน้าร้อนจะยับยั้งการเจริญของเชื้อกลุ่มแบคทีเรียแกรมลบ (E. coli) ได้ดีและในกลุ่มยีสต์ (C.
ค
albicans) นั้นจะถูกยับยั้งโดยสารสกัดหยาบจากเห็ดเผาะในตัวทาละลายน้าร้อนยับยั้งได้ดี จากผล
การศึกษานี้ควรนาไปทดลองในตัวสัตว์และส่งเสริมการนาเห็ดสมุนไพรเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ในการ
รักษาโรคที่เกิดจากเชื้อจุลินทรีย์ในทางคลินิกต่อไป