Description:
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย 1) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูเกี่ยวกับปัจจัยที่
มีผลต่อการออกกลางคันของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
บุรีรัมย์เขต 3 2) เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการออก
กลางคันของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์เขต 3
จำแนกตามประเภทของโรงเรียน และ 3) เพื่อศึกษาแนวทางการแก้ปัญหาการออกกลางคันของนักเรียนระดับชั้น
มัธยมศึกษาตอนต้นของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์เขต 3 ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้
ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียนและครูในโรงเรียนมัธยมศึกษาเดิม และโรงเรียนขยายโอกาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่
การศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3 ปีการศึกษา 2552 จำนวน 2,302 คน จำแนกเป็น ผู้บริหารโรงเรียนจำนวน 101 คน
และครูจำนวน 2,201 คน กลุ่มตัวอย่างได้แก่ผู้บริหาร จำนวน 80 คนและครู 327 คนโดยการกำหนดขนาดตัวอย่าง
ตามตารางของ เครซีและมอร์แกน (Krejcie & Morgan) สุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็น
แบบสอบถาม มีค่าอำนาจจำแนก (Discrimination) 2.26-6.84 มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .98 สถิติที่ใช้ในการวิจัย
ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานการทดสอบสมมติฐานใช้ t-test (Independent Sample)
โดยกำหนดค่าสถิติที่ระดับนัยสำคัญ .05 ผลการวิจัยพบว่า
1. ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการออกกลางคันของนักเรียน
ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และรายด้าน คือ ด้านสภาพครอบครัวนักเรียน
ด้านตัวนักเรียน ด้านสภาพชุมชน และด้านสภาพโรงเรียน อยู่ในระดับมากเช่นกัน
2. เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูเกี่ยวกับ ปัจจัยที่มีผลต่อการออกกลางคัน
ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จำแนกตามประเภทของโรงเรียน โดยภาพรวมพบว่า ผู้บริหารสถานศึกษา
และครูโรงเรียนมัธยมศึกษาเดิมและโรงเรียนขยายโอกาสมีความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการออกกลางคันของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น สังกัดนักงานเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3 โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน
3. ผลการศึกษาแนวทางการแก้ปัญหาการออกกลางคันของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นพบว่า
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสภาพชุมชนคือให้มีการจัดหาอาชีพและแนะแนวให้ผู้ปกครองทำเป็นหลักแหล่ง ให้สถานศึกษา
ร่วมมือกับชุมชนจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือนักเรียนที่ขาดแคลน ให้มีการจัดหารายได้ให้กับเด็กนักเรียนระหว่างปิดภาค
เรียน ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง กับสภาพโรงเรียน คือ จัดการเรียนการสอนเสริมนักเรียนที่เรียนเก่งและซ่อมเสริมนักเรียนที่
เรียนช้า ให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมกิจกรรมจะได้มีความรักความห่วงใยโรงเรียน จัดการเรียนการสอนเพื่อ
ฝึกอาชีพให้กับนักเรียน ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสภาพครอบครัว คือ ควรร่วมมือกับสถานศึกษาเพื่อติดตามการเรียนของ
ลูก เป็นผู้สนับสนุนให้ลูกได้เรียนตามความสามารถ เป็นที่ปรึกษาที่ดีให้กับลูก แนะนำให้ประพฤติแต่ในสิ่งที่ดี ควรใช้
เวลาให้อยู่กับลูกมากที่สุด ผู้ปกครองควรมีการวางแผนด้านการศึกษาให้กับลูก ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสภาพตัวนักเรียนคือ ให้มีบริการจัดสรรเงินกู้-ยืม เพื่อการศึกษา โดยให้นักเรียนเข้าถึงได้ง่ายมีความสะดวก และรวดเร็ว ให้มี การ
เสริมสร้างคุณลักษณะของนักเรียน ให้มีทักษะ ให้มีสมรรถนะสามารถประกอบอาชีพได้หลากหลาย รวมถึงการประกอบ
อาชีพอิสระได้มากขึ้น มีการจัดระบบความช่วยเหลือ สนับสนุนการเรียนการสอนซ่อมเสริม ให้มีระบบที่ช่วยให้นักเรียน
สามารถทำการศึกษาเพิ่มเติมด้วยตนเองได้สะดวก