Description:
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาและเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารและครู
ต่อสภาพการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่
การศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 จำนวน 5 ด้าน คือ ด้านการวางแผนงานวิชาการ ด้านการจัดการเรียน
การสอนในสถานศึกษา ด้านการวัดผล ประเมินผล และดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน ด้าน
การพัฒนาและส่งเสริมให้มีแหล่งเรียนรู้ และด้านการพัฒนาและใช้สื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
โดยจำแนกตามสถานภาพและประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 130 คน ซึ่ง
ประกอบด้วย ผู้บริหาร จำนวน 26 คน และครู จำนวน 104 คน โดยใช้ประชากรเป็นกลุ่มตัวอย่าง
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม มี 3 ลักษณะ คือ แบบตรวจสอบ
รายการ (Check List) แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) และแบบปลายเปิด
(Open- ended Form) ซึ่งมีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 1.809 ถึง 6.246 และค่าความเชื่อมั่นทั้ง
ฉบับเท่ากับ .9546 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐาน การทดสอบสมมติฐานใช้ค่าคะแนนที (Independent Samples t – test ) และค่าเอฟ
( F - test ) ผลการวิจัย พบว่า
1. ผู้บริหารมีความคิดเห็นต่อสภาพการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารงาน
วิชาการของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 โดยรวมและรายด้านมี
สภาพ การปฏิบัติงานอยู่ในระดับมาก
2. ครูมีความคิดเห็นต่อสภาพการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารงานวิชาการ
ของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 โดยรวมมีสภาพการปฏิบัติงาน
อยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่ามีสภาพการปฏิบัติงานอยู่ในระดับมาก
ได้แก่ ด้านการวางแผนงานวิชาการ ด้านการจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษาและด้านการ
วัดผล ประเมินผล และดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน ส่วนด้านการพัฒนาและส่งเสริมให้มีแหล่งเรียนรู้ และด้านการพัฒนาและใช้สื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษามีสภาพการปฏิบัติงานอยู่ใน
ระดับปานกลาง
3. ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารและครูต่อสภาพการใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
บุรีรัมย์ เขต 2 โดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เมื่อพิจารณาเป็นราย
ด้าน พบว่า ด้านการวัดผล ประเมินผล และดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน มีความคิดเห็น
แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ ส่วนด้านอื่น ๆ มีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างมี
นัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .01
4. ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารและครูที่มีประสบการณ์
ในการปฏิบัติงานต่างกันต่อสภาพการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารงานวิชาการของ
โรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 โดยรวมมีความคิดเห็นแตกต่างกัน
อย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการวางแผนงานวิชาการ มี
ความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนด้านอื่น ๆ มีความคิดเห็น
แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
5. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสภาพการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารงานวิชาการ
ของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 ของผู้บริหารและครู ได้แก่ ควรใช้
เทคโนโลยีในการวางแผนงานวิชาการให้ครบทุกงานและมีระบบ ควรจัดหาอุปกรณ์ ด้าน
คอมพิวเตอร์ให้เพียงพอ ควรจัดหาโปรแกรมสำเร็จรูปเกี่ยวกับระบบการบริหารงานวิชาการ เพื่อ
ลดภาระงานของครู ควรนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนและพัฒนา
ศักยภาพผู้เรียนให้ทั่วถึงและอย่างจริงจัง ควรมี การส่งเสริมให้ครูนำเทคโนโลยีสารสนเทศในการ
วัดผล ประเมินผลและเทียบโอนผลการเรียนให้มากขึ้น ควรพัฒนาระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
ให้นักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูลได้สะดวกและรวดเร็วและควรจัดหาสื่อมัลติมีเดียเพื่อให้นักเรียน
ได้ศึกษาและพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ