ความคิดเห็นของครูและผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดบุรีรัมย์ต่อการกระจายอำนาจการบริหารการศึกษา

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาความคิดเห็นของครูและผู้บริหารสถานศึกษาต่อการกระจายอำนาจการบริหารการศึกษา เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของครูกับผู้บริหารสถานศึกษากับการกระจายอำนาจการบริหารการศึกษาและเพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของครูและผู้บริหารสถานศึกษาที่ปฏิบัติงานในโรงเรียนขนาดต่างกันต่อการกระจายอำนาจการบริหารการศึกษา ประชากรได้แก่ครูและผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดบุรีรัมย์ จำนวนทั้งหมด 11,172 คน กลุ่มตัวอย่างจำนวน 635 คน ได้มาจากการกำหนดขนาดตามตาราง เครจซี่และมอร์แกน (Kerjcie & Morgan) แล้วทำการสุ่มกลุ่มย่อยแบบตามระดับชั้นอย่างมีสัดส่วน (Proportional Stratified Random Sampling) โดยแยกเป็นครู จำนวน 370 คน ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 265 คน ให้กระจายตามสัดส่วน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 3 ลักษณะ คือ แบบตรวจสอบรายการ แบบมาตรฐานส่วนประมาณค่าและแบบสอบถามชนิดปลายเปิด แบบสอบถามมีค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 1.758 ถึง 5.137 และมีค่าความเชื่อมั่น 0.9493 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานโดยใช้ค่า t-test Independent การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวและเปรียบเทียบเป็นรายคู่ใช้วิธีของเชฟเฟ่กำหนดค่าสถิติที่ระดับนัยสำคัญ .05 ผลการวิจัยพบว่า 1.ความคิดเห็นของครูและผู้บริหารสถานศึกษาต่อการกระจายอำนาจการบริหารการศึกษาโดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับเห็นด้วย 2. ความคิดเห็นของครูกับผู้บริหารสถานศึกษาต่อการกระจายอำนาจการบริหารการศึกษาโดยภาพรวมแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าด้านการบริหารงบประมาณมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และด้านการบริหารงานบุคคลมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3.ความคิดเห็นของครูและผู้บริหารสถานศึกษาที่ปฏิบัติงานในโรงเรียนขนาดต่างกันต่อการกระจายอำนาจการบริหารการศึกษาในส่วนความคิดเห็นของครูผู้ปฏิบัติงานในโรงเรียนขนาดต่างกันต่อการกระจายอำนาจการบริหารการศึกษา พบว่า โดยภาพรวมแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ด้านการบริหารทั่วไปมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และด้านการบริหารงานบุคคลมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เมื่อเปรียบเทียบเป็นรายคู่ พบว่า ครูที่ปฏิบัติงานในโรงเรียนขนาดใหญ่กับขนาดเล็กมีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ทั้ง 2 ด้าน สำหรับความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาที่ปฏิบัติงานในโรงเรียนขนาดต่างกันต่อการกระจายอำนาจการบริหารการศึกษา พบว่าโดยภาพรวมและรายด้านมีความแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ