Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมาย เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูต่อการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารโรงเรียนเอกชน ในจังหวัดบุรีรัมย์ กลุ่มตัวอย่างมี 2 กลุ่ม ได้แก่ ผู้บริหาร ใช้ประชากร จำนวน 21 คน และครู ได้จากการสุ่มตัวอย่างโดยกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างตามตารางของเครจซี่ และ มอร์แกน (KreJcie & Morgan) ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 234 คน แล้วทำการสุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามมี 3 ลักษณะคือ แบบตรวจสอบรายการ (Checklist) แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) และแบบปลายเปิด (Open Ended Form) ค่าความเชื่อมั่น (Reliability) เท่ากับ 0.9613 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและ t-test ผลการวิจัยพบว่า 1. ความคิดเห็นของผู้บริหารเกี่ยวกับการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล พบว่า มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากทุกด้าน ส่วนความคิดเห็นของครู พบว่า ด้านหลักความโปร่งใส และด้านหลักการมีส่วนร่วม อยู่ในระดับปานกลาง นอกนั้นอยู่ในระดับมาก 2. เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารและครูที่มีต่อต่อการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารโรงเรียนเอกชน พบว่า โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ทุกด้านไม่แตกต่างกันเช่นเดียวกัน 3. ข้อเสนอแนะที่เกี่ยวกับความคิดเห็นของผู้บริหารและครูที่มีต่อต่อการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารโรงเรียนเอกชน คือ 3.1 ผู้บริหารโรงเรียนเอกชนเห็นว่า ควรมีการนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารโรงเรียน เพราะเกิดผลดีที่ทั้งผู้บริหาร สถานศึกษา ผู้เรียนและชุมชน โรงเรียนเอกชนส่วนมากนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากผู้บริหารหรือผู้จัดการที่เป็นเจ้าของโรงเรียนยังไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควร และ ควรมีการปรับเพิ่มเงินเดือนหรือค่าตอบแทนของบุคลากรในโรงเรียนเอกชนให้สูงขึ้นใกล้เคียงกีบโรงเรียนรัฐบาล 3.2 ครูผู้สอนโรงเรียนเอกชนเห็นว่า ควรเปิดโอกาสให้ชุมชน ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการหรือเสนอแนะให้ผู้บริหารเอาใจใส่ดูแลบุคลากรให้มากกว่านี้ในด้านสวัสดิการและค่าตอบแทน และผู้บริหารควรให้ความยุติธรรม มีคุณธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจ มีความเมตตากรุณาต่อผู้ใต้บังคับบัญชา