Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียนรู้เรื่องการปลูกผักสวนครัวปลอดภัยจากสารพิษ โดยใช้การเรียนรู้แบบเทคนิค STAD สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยการใช้เอกสารประกอบการเรียนรู้ เรื่องการปลูกผักสวนครัวปลอดภัยจากสารพิษ โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 3) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน เรื่องการปลูกผักสวนครัวปลอดภัยจากสารพิษโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนัดเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยเอดกสารประกอบการเรียน เรื่องการปลูกผักสวนครัวปลอดภัยจากสารพิษ โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษากาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2556 โรงเรียนบ้านยาง “คุรุราษฎร์รังสรรค์” อำเภอลำปลายมาศ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เขต 1ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556 จำนวน 1 ห้องเรียน รวม 30 คน ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย โดยใช้โรงเรียนเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) เอกสารประกอบการเรียนรู้ เรื่องการปลูกผักสวนครัวปลอดภัยจากสารพิษ โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 12 ชุด 2) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การปลูกผักสวนครัวปลอดภัยจากสารพิษ โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหกรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 12 ชุด 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น เพื่อใช้วัดความสามารถในการเรียนรู้ด้วยเอกสารประกอบการเรียนรู้ เรื่องการปลูกผักสวนครัวปลอดภัยจากสารพิษ โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหรับชั้นมัธยมศึกษากาปีที่ 1 ซึ่งเป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าความยากง่าอยู่ระหว่า .02 ถึง .08 ค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง .20 ถึง .70 และค่าความเชื่อมั่นของข้อสอบทั้งฉบับเท่ากับ .084 และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยเอกสารประกอบการเรียนรู้ เรื่องการปลูกผักสวนครัวปลอดภัยจากสารพิษ โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เป็นแบบมาตรส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน E1/E2 และทดสอบสมมติฐานโดยใช้ค่าสถิติ t-test (Dependent Samples) ผลการวิจัยพบว่า 1. ประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียนรู้ เรื่องการปลูกผักสวนครัวปลอดภัยจากสารพิษ โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เท่ากับ 86.99/85.83 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ของนักเรียนที่เรียนกลังเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียนรู้ เรื่องการปลูกผักสวนครัวปลอดภัยจากสารพิษ โดยใช้การเรียนรู้แบบเทคนิค STAD สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. ดัชนีประสิทธิผลของการเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียนรู้ เรื่อองการปลุกผักสวนครัวปลอดภัยจากสารพิษ โดยใช้การเรียนรุแบบเทคนิค STAD สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีค่าเท่ากับ 0.7728 แสดงว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษากาเพิ่มขึ้น 0.7728 คิดเป็นร้อยละ 77.28 4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียนรู้ เรื่องการปลูกผักสวนครัวปลอดภัยจากสารพิษ โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด