Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีจุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการบริหารตามรูปแบบของการบริหารเฉพาะตนเองในโรงเรียนขนาดเล็ก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์เขต 1 2) เปรียบเทียบทัศนะของผู้บริหารโรงเรียนและครูผู้สอนที่มีต่อสภาพการบริหารเฉพาะตนในโรงเรียนขนาดเล็ก และ 3) เปรียบเทียบทัศนะของผู้บริหารโรงเรียนและครูผู้สอนที่มีต่อสภาพผู้การบริหารเฉพาะตนเองในโรงเรียนขนาดเล็กโดยจำแนกตามประสบการณ์การทำงาน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ คือ ผู้บริหารโรงเรียน จำนวน 38 คน และครูผู้สอนจำนวน 219 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเอง มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.9552 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดลองสมมุติฐานใช้ Independent samples t- test และการวิเคราะห์ ความแปรปรวนทางเดียว ( One- way Analysis of Variance) ผู้วิจัยพบว่า 1. ผู้บริหารมีความคิดเห็นต่อสภาพการบริหารตามรูปแบบการบริหารเฉพาะตนเองซึ่งแบ่งเป็น 10 งาน โดยรวมออยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาในแต่ละด้าน พบว่า ผู้บริหารมีความเห็นจากากไปหาน้อยดังนี้ ด้านการจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา ด้านการพัฒนาระบบข้อมูลและสารสนเทศ ด้านการนิเทศและการติดตาม ด้านการประชาสัมพันธ์ ด้านการจัดหาหนังสือเรียน / แบบฝึกหัด ด้านการจัดหาคอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนการสอน ด้านการจัดหาหนังสือห้องสมุด/ สื่อการเรียนการสอน ด้านการแก้ปัญหาการขาดแคลนครู ด้านการพัฒนาครู และด้านการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารเรียนและสิ่งก่อสร้างอื่นที่ชำรุด 2. ครูผู้สอนมีความคิดเห็นต่อสภาพการบริหารงานตามรูปแบบการบริหารเฉพาะตนเองอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ครูผู้สอนมีความคิดเห็นต่อสภาพการบริหารงานเช่นเดียวกับผู้บริหาร 3. ผู้บิหารและครูผู้สอนมีความคิดเห็นต่อสภาพการบริหารงานตามรูปแบบการบริหารเฉพาะตนเองในโรงเรียนขนาดเล็กไม่แตกต่างกัน 4. ผู้บริหารและครูผู้สอนที่มีประสบการณ์ต่างกันมีความคิดเห็นต่อสภาพการบริหารงานตามรูปแบบการบริหารเฉพาะตนเองในโรงเรียนขนาดเล็กไม่แตกต่างกัน