Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาสภาพการบริหารจัดการศึกษาแบบเรียนร่วม ของโรงเรียนแกนนา
จังหวัดบุรีรัมย์และ 2) เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียน เกี่ยวกับสภาพการบริหารจัดการศึกษาแบบเรียนร่วม
ของโรงเรียนแกนนา จังหวัดบุรีรัมย์ โดยจาแนกตามขนาดของโรงเรียนและประสบการณ์ในการบริหารงาน ตามกรอบ
โครงสร้างซีท (SEAT) 4 ด้าน คือ ด้านนักเรียน ด้านสภาพแวดล้อม ด้านกิจกรรมการเรียนการสอน และด้านเครื่องมือ กลุ่ม
ตัวอย่างเป็นผู้บริหารโรงเรียนแกนนา จานวน 206 คน โดยใช้ประชากรเป็นกลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวม
ข้อมูลเป็นแบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ .9771 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบสมมติฐานโดยใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) กาหนด
ค่าสถิติที่ระดับนัยสาคัญ .05 ผลการวิจัยพบว่า
1. สภาพการบริหารจัดการศึกษาแบบเรียนร่วม ของโรงเรียนแกนนาจังหวัดบุรีรัมย์ โดยรวมและรายด้านทุก
ด้านมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก
2. การเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียนเกี่ยวกับสภาพการบริหารจัดการศึกษาแบบเรียนร่วมของ
โรงเรียนแกนนา จังหวัดบุรีรัมย์ จาแนกตามขนาดโรงเรียน โดยรวมมีการปฏิบัติไม่แตกต่างกัน และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน
พบว่า ด้านสภาพแวดล้อมมีการปฏิบัติแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนด้านอื่นๆ ไม่แตกต่างกัน
3. การเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียนเกี่ยวกับสภาพการบริหารจัดการศึกษาแบบเรียนร่วมของ
โรงเรียนแกนนา จังหวัดบุรีรัมย์ จาแนกตามประสบการณ์ในการบริหารงาน โดยรวมมีการปฏิบัติไม่แตกต่างกัน และเมื่อ
พิจารณาเป็นรายด้านพบว่าด้านสภาพแวดล้อมมีการปฏิบัติงานแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .0 ส่วนด้าน
อื่น ๆ ไม่แตกต่างกัน
4. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสภาพการบริหารจัดการศึกษาแบบเรียนร่วม ของโรงเรียนแกนนา จังหวัดบุรีรัมย์
พบว่า ) ด้านนักเรียน ผู้บริหารมีความคิดเห็นว่า นักเรียนที่เป็นเด็กพิเศษเรียนร่วมจะเรียนรู้ได้ช้ากว่าเด็กปกติหรือไม่รู้เลย
ครูต้องใช้ความพยายามในการสอนเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้และใช้เทคนิคที่หลากหลาย และมีข้อเสนอแนะว่า ควรจัดครูที่มีความรู้
เกี่ยวกับเด็กพิเศษโดยตรง เพราะส่วนมากในปัจจุบันครูที่สอนยังไม่มีความรู้ ความเข้าใจเด็กพิเศษเท่าที่ควร 2) ด้าน
สภาพแวดล้อม ผู้บริหารมีความคิดเห็นว่า การจัดสภาพแวดล้อมยังไม่เหมาะสมและไม่เอื้อต่อการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เท่าที่ควร
ไม่มีห้องเฉพาะสาหรับนักเรียนพิเศษเรียนร่วม และมีข้อเสนอแนะว่า ควรมีการจัดสรรงบประมาณให้แก่โรงเรียนแกนนา
จัดการเรียนร่วม เพื่อนามาใช้ในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อเด็กพิเศษแต่ละประเภท 3) ด้านกิจกรรมการเรียนการ
สอน ผู้บริหารมีความคิดเห็นว่า ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนบางกิจกรรม เด็กปกติกับเด็กพิเศษเรียนร่วมต้องแยกกัน
ดังนั้นควรมีสื่อ และเครื่องมือที่เหมาะสม และมีข้อเสนอแนะว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบ ควรจัดงบประมาณในการผลิตสื่อ วัสดุ
อุปกรณ์การเรียนให้ครูได้ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และ 4) ด้านเครื่องมือ ผู้บริหารมีความคิดเห็นว่า ขาดสื่อ วัสดุ
อุปกรณ์ทางเทคโนโลยีและสิ่งอานวยความสะดวกต่าง ๆ ทาให้การเรียนการสอนไม่ได้ผลเท่าที่ควร และมีข้อเสนอแนะว่า ควร
มีการจัดทาคู่มือเด็กพิเศษเรียนร่วมแต่ละประเภท ว่าต้องการใช้เครื่องมือประเภทใดบ้าง