การศึกษาวิจัยในครั้งนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาปัจจัยพื้นฐานด้านสังคมและเศรษฐกิจความเข้าใจในหลักเกณฑ์การชำระคืน ภาระหนี้สินอื่น ที่มีผลต่อการชำระคืนเงินกู้ และเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสถานภาพ ระดับการศึกษา จำนวนสมาชิกในครัวเรือน จำนวนแรงงานใน ครัวเรือน รายได้ รายได้รวม รายจ่าย จำนวนเจ้าหนี้ ที่มีผลต่อการชำระคืนเงินกู้ กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อยในเขตอำเภอเมืองบุรีรัมย์ ที่กู้เงินจากโครงการธนาคารประชาชน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2544 ถึงเดือนเมษายน พ.ศ. 2545 โดยกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตาม ตารางของทาโร ยามาเน่ (Taro Yamane) จากประชากรจำนวน 1,548 คน ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่างจำนวน 448 คน หลังจากนั้นทำการสุ่มแบบชั้นภูมิ (Stratified Random Sampling) ซึ่งผลการวิจัยพบว่า 1. ผลการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านสังคมและเศรษฐกิจ ความเข้าใจในหลักเกณฑ์การชำระคืนเงินกู้ ภาระหนี้สินอื่น ของผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อยในเขตอำเภอเมือบุรีรัมย์ที่กู้เงินจากโครงการธนาคารประชาชน พบว่าปัจจัยด้านสังคมและเศรษฐกิจไม่มีผลต่อการชำระคืนเงินกู้โดยตรง ส่วนความเข้าใจในหลักเกณฑ์การชำระคืนเงินกู้ พบว่ากลุ่มที่เข้าใจหลักเกณฑ์การชำระคืนเงินกู้ จะสามารถชำระคืนได้มากกว่ากลุ่มที่ไม่เข้าใจหลักเกณฑ์ สำหรับภาระหนี้สินอื่นไม่มีผลต่อการชำระหนี้คืนเงินกู้ เนื่องจากกลุ่มที่มีเจ้าหนี้ 2-3 รายจะสามารถชำระคืนได้มากกว่ากลุ่มที่มีเจ้าหนี้รายเดียว 2. ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างสถานภาพ ระดับการศึกษา จำนวนสมาชิก ในครัวเรือน จำนวนแรงงานในครัวเรือน รายได้ รายได้รวม รายจ่าย จำนวนเจ้าหนี้ ที่มีผลต่อการชำระคืนเงินกู้ พบว่าปัจจัยต่าง ๆ ไม่มีความสัมพันธ์กับการชำระคืนเงินกู้ ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ นอกจากนี้ จากข้อเสนอแนะและความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการชำระคืนเงินกู้ได้ และไม่ได้ของผู้กู้เงินจากโครงการธนาคารประชาชน โดยศึกษาผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อยในเขตอำเภอเมืองบุรีรัมย์ พบว่าความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการชำระคืนเงินกู้ได้ 3 ลำดับแรก คือเนื่องจากผู้กู้นำเงินไปลงทุนในกิจการแล้วมีกำไรมากพอที่จะชำระหนี้ได้ รองลงมาคือเพื่อรักษาเครดิตของตนโดยหวังว่าจะกู้เงินในครั้งต่อไปได้มากขึ้น และเนื่องจากผู้กู้มีความรับผิดชอบ มีความซื่อสัตย์ ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยที่กู้เงินจากโครงการธนาคารประชาชนแล้วไม่สามารถชำระคืนเงินกู้ได้ 3 ลำดับแรก คือเนื่องจากลูกค้าที่กู้เงินไปไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีความซื่อสัตย์ รองลงมาคือ กิจการค้าที่ทำขาดทุน ทำให้ผู้กู้มีรายได้ไม่พอที่จะชำระหนี้ และเนื่องจากผู้กู้นำเงินที่กู้จากโครงการธนาคารประชาชนไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ คือนำไปใช้ในสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิด รายได้ ทำให้ไม่มีรายได้มาชำระหนี้คืน
This study aimed to find out whether the three factors : social economic conditions, understanding the repayment rules and liability, affected the general investors’ ability in repaying their loan. It also studied the relationship between the investors’ status (the number of family’s members and age-earners, income, family income, expense and the number of creditors) and their ability to repay the loan. The sample, determined and selected by Taro Yamane’s Table and Stratified Random Sampling, was 448 general investors who had taken the loan from the ‘People’s Bank’ during the period of June 2001- April 2002. The results were as follows : 1. The social and economic factors had no effect on the investors’ ability to repay the loan. Their understanding about the repayment rules had an effect : the more they understood the better they could pay back the loan. Their liability also had no effect because the investors with a few creditors were more likely to repay than those with only one creditor. 2. There was no significant relation between any kinds of status and the ability of repayment. There were some interesting opinions and suggestions made by the investors about the factors that affected their repayment ability both positively and negatively. The first three positive factors, from the most to the least, were the success of their investment, the effort to make themselves trustworthy in the eye of the banker and their own honesty and responsibility. The three negative factors, also from the least, were the irresponsibility and dishonesty of the investors, the failure of their investment and the misuse of the loan.
