Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1)พัฒนาแบบฝึกการอ่านและการเขียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3 โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2)เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ก่อนเรียนและหลังเรียน 3)ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD และ 4)ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3 โรงเรียนบ้านนาลาว สำนักเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศึกษาเขต 4 ที่กำลังศึกษาภาคเรียนที่1 ปีการศึกษา2555 จำนวน 1 ห้องเรียน มีนักเรียน 17 คน ได้มาโดยวิธีสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1)แบบฝึกทักษะการอ่านการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD จำนวน 15 ชุด 2)แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อใช้ประกอบแบบฝึกทักษะการอ่านการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD จำนวน 15 แผน 3)แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ จำนวน 30 ข้อ โดยมีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.20-0.73 ค่าความยากตั้งแต่ 0.73-0.80 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.93 และ 4)แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD เป็นแบบมาตราส่วน 5 ระดับ จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานใช้สถิติ t-test แบบ Dependent Samples ผลการวิจัยพบว่า 1.แบบฝึกทักษะการอ่านการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD มีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.65/85.29 ซึ่งผ่านเกณฑ์ 80/80 2.ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3.ดัชนีประสิทธิผลของการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD มีค่าเท่ากับ0.70 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้น เท่ากับ 0.70 คิดเป็นร้อยละ 70.00 4.ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด