Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาและเปรียบเทียบความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพความเป็นจริงและความคาดหวังของผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อการจัดการศึกษาของโรงเรียนหนองหงส์พิทยาคม ในด้านการบริการงานวิชาการ ด้านการบริหารงบประมาณ ด้านการบริหารงานบุคคล และด้านการบริหารทั่วไป โดยจำแนกตามระดับช่วงชั้นนักเรียนและอาชีพของผู้ปกครอง กลุ่มตัวอย่าง เป็นผู้ปกครองนักเรียนจำนวน 256 คน ได้จากการสุ่มจากประชากรจำนวน 786 คน โดยกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างตามตารางเครจซี่และมอร์แกน (Krejcie & Morgon) และทำการสุ่มตามระดับชั้นอย่างมรสัดส่วน (Proportional Stratified Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า มีค่าความเชื่อมั่นในด้านสภาพความเป็นจริงและความคาดหวังเท่ากับ .9571 และ .9617 ตามลำดับ และแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบสมมติฐานใช้ t-test (Independent Sample) และ F-test และเปรียบเทียบคู่ในแต่ละด้านโดยวิธีของเชฟเฟ่ (Scheffe’s Method) กำหนดค่าสถิติที่ระดับนัยสำคัญ .05
ผลการวิจัย พบว่า
1. ผู้ปกครองนักเรียนมีความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพความเป็นจริงที่มีต่อการจัดการศึกษาโดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก โดยเรียงลำดับจากด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงไปหาต่ำคือด้านการบริหารงานบุคคล ด้านการบริหารงานวิชาการ ด้านการบริหารงบประมาณและด้านการบริหารทั่วไป
2. ผู้ปกครองนักเรียนมีความคิดเห็นเกี่ยวกับความคาดหวังที่มีต่อการศึกษาโดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากที่สุด โดยเรียงลำดับจากด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงไปหาต่ำคือด้านการบริหารงานบุคคล ด้านการบริหารทั่วไป ด้านการบริหารงานวิชาการ และด้านการบริหารงบประมาณ
3. ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้ปกครองนักเรียนเกี่ยวกับสภาพความเป็นจริงและความคาดหวังที่มีต่อการศึกษา จำแนกตามระดับช่วงชั้นนักเรียน สำหรับสภาพความเป็นจริงโดยรวมและรายด้านมีความคิดเห็นไม่แตกต่างกัน ยกเว้นด้านการบริหารงบประมาณมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ยกเว้นด้านการบริหารงบประมาณ มีความคาดหวังไม่แตกต่างกัน
4. ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้ปกครองนักเรียนเกี่ยวกับสภาพความเป็นจริงและความคาดหวังที่มีต่อการจัดการศึกษา จำแนกตามอาชีพ โดยรวมและรายด้าน มีความคิดเห็นไม่แตกต่างกัน
5. ผู้ปกครองนักเรียนมีความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เกี่ยวกับการจัดการศึกษาของโรงเรียนคือ ควรส่งเสริมความรู้ด้านวิชาการแก่ผู้ปกครองและชุมชน จัดสร้างห้องสุขาให้เพียงพอต่อความต้องการ เพิ่มงบประมาณเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ดีขึ้น จัดหาบุคลากรที่มีคุณภาพ และจัดให้มีระบบดูแลนักเรียนที่เกี่ยวกับสิ่งเสพติดและส่งเสริมการจัดกิจกรรมของนักเรียน
6. ผู้ปกครองนักเรียนเสนอแนวทางการพัฒนาการจัดการศึกษาของโรงเรียนคือ ควรมีการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมการพัฒนางานอาชีพสำหรับนักเรียน มีการจัดสรรงบประมาณไปใช้พัฒนาด้านการเรียนการสอนให้มากที่สุด จัดสรรงบประมาณในการศึกษา อบรม พัฒนาตนเองของบุคลากรอย่างพอเพียง และควรมีการวางแผนการพัฒนาอาคารสถานที่และสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม กระตุ้นให้ผู้เรียนเป็นบุคคลแห่งการเรียนร็