Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการบริหารงานแนะแนวของผู้บริหารในโรงเรียนตามความคิดเห็นของบุคลากร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 4 ใน 5 ด้าน ได้แก่ด้านบริการสำรวจข้อมูล ด้านบริการสารสนเทศ ด้านบริการให้คำปรึกษา ด้านบริการจัดวางตัวบุคคลและด้านบริการติดตามและประเมินผล 2) เพื่อเปรียบเทียบการบริหารงานแนะแนวของผู้บริหารงานในโรงเรียน ตามความคิดเห็นของบุคลากรจำแนกตาม ตำแหน่ง และประสบการณ์และ 3) เพื่อรวบรวมปัญหาและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริหารงานแนะแนวของผู้บริหารในโรงเรียนกลุ่มตัวอย่างของเครจซี่และมอร์แกน และการสุ่มอย่างง่ายเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.91 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที การทดสอบค่าเอฟ และวิธีการของเชฟเฟ ผลการวิจัยสำคัญสรุปได้ดังนี้ 1. การบริหารงานแนะแนวของผู้บริหารในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 4 ตามความคิดเห็นของบุคลากร โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก 2. การบริหารงานแนะแนวของผู้บริหารในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 4 ตามความคิดเห็นของบุคลากร ที่มีตำแหน่งแตกต่างกันโดยรวมและด้านบริการให้คำปรึกษาไม่แตกต่างกัน ส่วนด้านบริการจัดวางตัวบุคคล แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ ด้านบริการสำรวจข้อมูล ด้านบริการสารสนเทศ และด้านบริการติดตามและประเมินผล แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. การบริหารงานแนะแนวของผู้บริหารในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 4 ตามความคิดเห็นของบุคลากร ที่มีประสบการณ์แตกต่างกันโดยรวมและด้านบริการสารสนเทศ ด้านบริการจัดวางตัวบุคคล และด้านบริการติดตามและประเมินผล แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ส่วนด้านบริการสำรวจข้อมูล ด้านบริการให้คำปรึกษา แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4. การบริหารงานแนะแนวของผู้บริหารในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 4 ตามความคิดเห็นของบุคลากร มีปัญหาสำคัญคือ งานแนะแนวขาดการพัฒนา และปรับปรุงรูปแบบการเก็บรวบรวมข้อมูลนักเรียน โรงเรียนขาดครูแนะแนวที่จบวิชาเอกแนะแนวโดยตรง และปริมาณหนังสือและเอกสารที่ให้ความรู้เกี่ยวกับงานแนะแนวไม่เพียงพอต่อความต้องการของนักเรียน และมีข้อเสนอแนะว่า ควรจัดบทบาท หน้าที่ฝ่ายแนะแนวให้ชัดเจน ควรจัดหาโปรแกรมอำนวยความสะดวกในการจัดเก็บข้อมูลนักเรียน และควรมีการพัฒนา และปรับปรุงเกี่ยวกับข้อมูล และข่าวสารที่นำเสนอต้องมีความทันสมัยเป็นเหตุการณ์ปัจจุบัน