Description:
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1) พัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านวิชาภาษาอังกฤษ โดยใช้ การเรียน
แบบกลุ่มร่วมมือกันเรียนรู้เทคนิค STAD ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 70/70 2) ศึกษาดัชนี
ประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะ 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของ
นักเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/4 โรงเรียนนางรอง อำเภอนางรอง
จังหวัดบุรีรมั ย์ ภาคเรียนที่ 1ปีการศึกษา 2553 จำนวน 45 คน ได้มาโดยวิธีสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling)
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบฝึกทักษะการอ่านวิชาภาษาอังกฤษจำนวน 4 ชุด แผนการจัดการเรียนรู้จำนวน 4
แผนๆละ 2 ชั่วโมง ข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียนเป็นแบบปรมัยชนิดเลือกตอบจำนวน 40 ข้อ ที่มีค่าอำนาจ
จำแนก (B) ตั้งแต่ .26 ถึง .82 ความยาก (P) ตั้งแต่ .48 ถึง .70 มีค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ
.97 และแบบวัดความพึงพอใจมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .93 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าร้อย
ละ (Percentage) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และสถิติทดสอบที (Dependent Sample t-test )
ผลการวิจัยพบว่า
1. แบบฝึกทักษะการอ่านวิชาภาษาอังกฤษ โดยใช้การเรียนแบบกลุ่มร่วมมือกันเรียนรู้เทคนิค STAD
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีประสิทธิภาพ 72.56/71.06 เป็นไปตามเกณฑ์ 70/70
2. ดัชนีประสิทธิผลแบบฝึกทักษะการอ่านวิชาภาษาอังกฤษ โดยใช้การเรียนแบบกลุ่มร่วมมือกันเรียนรู้
เทคนิค STAD ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.5719 แสดงว่านักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ
57.19
3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนนางรอง ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านวิชา
ภาษาอังกฤษแบบกลุ่มร่วมมือกันเรียนรู้เทคนิค STAD มีคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่า
ก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนนางรอง ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึก
ทักษะการอ่านวิชาภาษาอังกฤษแบบกลุ่มร่วมมือกันเรียนรู้เทคนิค STAD มีความพึงพอใจในการเรียนรู้อยู่ในระดับมาก