สภาพปัญหาและแนวทางการจัดระบบสารสนเทศเพื่อการบริการสถานศึกษา ของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาและเปรียบเทียบสภาพปัญหาและแนวทางการจัดระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 32 ตามความคิดเห็นของผู้อำนวยการโรงเรียนและครู ของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 ตามการจัดระบบสารสนเทศ 6 ขั้นตอน คือ การเก็บรวบรวมข้อมูล การตรวจสอบข้อมูล การประมวลผลข้อมูล การจัดเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล และการนำข้อมูลไปใช้ กลุ่มตัวอย่างประกอบไปด้วย 2 กลุ่ม คือ กลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครู จำนวน 345 คนซึ่งได้มาจากการสุ่มตามระดับชั้นอย่างมีสัดส่วน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการสัมภาษณ์ ได้แก่ ผู้อำนวยการสถานศึกษา จำนวน 5 คน และครู จำนวน 5 คน ซึ่งได้จากการสุ่มแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลมี 2 ประเภท คือ แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ โดยแบบสอบถามมีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 10875-6.450 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .9673 ในการวิเคราะห์ข้อมูลการสัมภาษณ์ใช้การวิเคราะห์โดยวิธีอุปมาน ส่วนข้อมูลที่ได้จากการตอบแบบสอบถามใช้การวิเคราะห์ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานการทดสอบสมมติฐาน โดยการทดสอบค่า t-test (Independent Samples t-test) และ F-test กำหนดค่าสถิติที่ระดับนัยสำคัญ .05 ทดสอบความแตกต่างรายคู่โดยใช้วิธีการของเชฟเฟ่ (Scheffe’ Method) ผลการวิจัยพบว่า 1. ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูเกี่ยวกับสภาพปัญหาการจัดระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 32 โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง และเมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ ด้านการเก็บรวบรวมข้อมูล รองลงมา ได้แก่ ด้านการจัดเก็บข้อมูล และด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด ได้แก่ ด้านการตรวจสอบข้อมูล 2. เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูเกี่ยวกับสภาพปัญหาการจัดระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 32 ผู้บริหารสถานศึกษาและครูที่มีสถานภาพตำแหน่งต่างกันมีความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพปัญหาการจัดระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารสถานศึกษา โดยรวมและรายด้านแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระดับ .01 3. เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูเกี่ยวกับสภาพปัญหาการจัดระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 จำแนกตามขนาดของโรงเรียนพบว่า 3.1 ผู้บริหารสถานศึกษาที่ปฏิบัติงานหน้าที่ในสถานศึกษาที่มีขนาดต่างกันมีความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพปัญหาการจัดระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน 3.2 ครูที่ปฏิบัติงานหน้าที่ในสถานศึกษาที่มีขนาดต่างกันมีความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพปัญหาการจัดระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน 4. ความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาและแนวทางในการแก้ปัญหาการจัดระบบสารสนเทศ 4.1 ด้านการเก็บรวบรวมข้อมูล พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษาส่วนมากต้องการอบรมพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือในการจัดเก็บข้อมูล ส่วนครูต้องการให้ครูที่มีความรู้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เก็บข้อมูลได้อย่างถูกต้อง 4.2 ด้านการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ผู้บริหารด้านสถานศึกษาส่วนมากต้องการแต่งตั้งผู้รับผิดชอบตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ส่วนครูต้องการมีผู้ตรวจสอบรับรองข้อมูลก่อนการส่งต่อ 4.3 ด้านการประมวลข้อมูล พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษาส่วนมากต้องการจัดหาบุคลากรในการประมวลผลข้อมูลให้เพียงพอ ส่วนครูต้องการศึกษาการใช้โปรแกรมที่ใช้ในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูล 4.4 ด้านการจัดเก็บข้อมูล พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษาส่วนมากต้องการมีการวางแผนการจัดเก็บข้อมูลให้เป็นไปตามสภาพและระยะเวลาข้อมูลแต่ละประเภท ส่วนครูต้องการมีงบประมาณในการจัดซื้ออุปกรณ์ในการจัดเก็บข้อมูล 4.5 ด้านการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษาส่วนมากต้องการจัดให้ความรู้ทางสถิติและเทคนิคแก่ผู้มีหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูล ส่วนครูต้องการอบรมให้มีความรู้ด้านการวิเคราะห์ข้อมูล 4.6 ด้านการนำข้อมูลไปใช้ พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษาส่วนมากต้องการอบรมพัฒนาให้มีความรู้และเทคนิควิธีแก่ผู้มีหน้าที่ในการเผยแพร่ข้อมูล การนำเสนอข้อมูล ส่วนครูต้องการอบรมพัฒนาการใช้งานโปรแกรมต่างๆ เพื่อใช้นำเสนอข้อมูล