dc.contributor.author |
ไสว, อุทุม |
|
dc.date.accessioned |
2017-09-02T05:57:08Z |
|
dc.date.available |
2017-09-02T05:57:08Z |
|
dc.date.issued |
2558 |
|
dc.identifier.uri |
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/764 |
|
dc.description.abstract |
การศึกษาครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) สึกษาสภาพการดำเนินงานเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 2) เสนอแนวทางปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประชากรที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย ประธานศูนย์พัฒนาวิชาการจำนวน 10 คน และคณะกรรมการศูนย์พัฒนาวิชาการ จำนวน 90 คน รวมทั้งหมด 100 คน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามที่มีค่าความชื่อมั่น 0.965 และแบบสัมภาษณ์ สถิติทีี่มใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1. การดำเนินงานเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการในโรงเรียนมัธยม สังกัดสำนักงานพื้นที่มัธยมศึกษา เขต 32 ตามความติดเห็นของประธานศูนย์พัฒนาวิชาการ พบว่า กิจกรรมที่มีการปฏิบัติมากที่สุด คือ การจัดกิจกรรมการแข่งขันทักษะความสามารถทางวิชาการของนักเรียน รองลงมา คือ การประชุมวางแผนการปฏิบัติงานของศูนย์พัฒนาวิชาการกลุ่มสารการเรียนรู้ และกิจกรรมมีการปฏิบัติน้อยที่สุด คือการนิเทศติดตามการดำเนินงานของศูนย์พัมนาวิชาการกลุ่มสาระการเรียนรู้ ส่วนคณะกรรมการศูนย์พัฒนาวิชาการมีความเห็นว่า กิจกรรมที่มีการปฏิบัติมากที่สุด คือ การจัดกิจกรรมการแข่งขันทักษะความสามารถทางวิชาการของนักเรียน รองลงมา คือการนิเทสติดตามการดำเนินงานของศูนย์พัฒนาวิชาการกลุ่มสาระการเรียนรู้และที่มีการปฏิบัติน้อยที่สุด คือ มีการวางแผนการดำเนินงานและกำหนดเป้าหมายโดยมีชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดแผนการทำงานให้สอดคล้องกับสถานศึกษานั้นๆ 2.สภาพการดำเนินงานเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ ในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 32 พบว่าโดยรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากโดยด้านกิจกรรมของเครือข่ายมีการปฏิบัติสูงสุด รองลงมา คือ ด้านความพร้อมของเครือข่ายและด้านการบริหารจัดการเครือข่าย มีการปฏิบัติน้อยที่สุด ตามลำดับ 3. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนและร้อยละเกี่ยวกับความคิดเห็นของประธานศูนย์ำพัฒนาวิชาการในแต่ละด้านที่มีค่าความถี่มากที่สุดพบว่า คือสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาควรจัดงบประมาณให้แต่ศูนย์พัฒนาวิชาการ ด้านกิจกรรมของเครือข่าย ตือ ควรมีการจัดนิทรรสการผลงานด้านวิชาการศูนย์พัฒนาวิชาการ และดด้านการบริหารจัดการเครือข่าย คือ การมีการตรวจสอบติดตาม ประเมิณผล และนิเทศศูนย์พัฒนาวิชาการอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง คณะกรรมการศูนย์พัมนาวิชาการให้ความเห็นที่มีความถี่มากที่สุดพบว่าด้านความพร้อมของเครือข่าย คือ ควรมีเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ในการ ประสานงานโรงเรียนและศูนย์พัฒนาวิชาการ ด้านกิจกรรมของเครือข่าย คือ ควรจัดนิ่ทรรศการผลงานด้านวิชาการของศูนย์พัฒนาวิชาการ และด้านบริหารจัดการเครือข่าย คือ ควรนำเทคโนโลยีและระบบสารสนเทศมาใช้ในการจัดประชุมหรืออบรมเพื่อลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทาง 4. ผลจากสัมภาษณ์ประธานศูนย์พัฒนาวิชาการและคณะกรรมการศูนย์พัฒนาวิชาการเกี่ยวกับปัญหาและแนวทางการปรับปรุงพัฒนา พบว่าปัญหาในการดำเนินงานคือการขาดแคลนบุคลากร ขาดแผนการปฏิบัติงาน ขาดการติดต่ิสื่อสารและประสานงาน และขาด งบประมาณสนับสนุน แนวทางในการปรับปรุงคือควรจัดอัตรากำลังครูและบุคลากรทางการศึกษาให้แต่ละศูนย์พัฒนาวิชาการเพื่อเพิ่มศักรยภาพในการผฏิบัติงาน ควรมีแผนการปฏิบัติการที่ชัดเจน ควรมีเจ้าหน้าที่ประจำศูนยืพัฒนาวิชาการเพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสารและประสานงานกับศูนย์พัฒนาวิชาการและโรงเรียนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรจัดสรรงบประมาณสนับสนุนให้แต่ละศูนย์พัฒนาวิชาการ ควรจัดกิจกรรมศึกษาดูงาน ควรจัดให้มีการแข่งขันกีฬาร่วมกันและ ควรจัดเวทีเสวนาเกี่ยวกับยุธศาสตร์การขับเคลื่อนศูนย์พัฒนาวิชาการให้กับคณะกรรมการ |
en_US |
dc.language.iso |
th_TH |
en_US |
dc.publisher |
มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ |
en_US |
dc.title |
การดำเนินงานเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 32 |
en_US |
dc.title.alternative |
The Conducting of Academic Collaborative Network in Secondary Schools under Secondary Educational Service Area Office 32 |
en_US |
dc.type |
Thesis |
en_US |