การรับรู้รูปแบบภาวะผู้นำของผู้บังคับบัญชาที่มีอิทธิพลต่อความผูกพันต่อองค์การของบุคลากรสายสนับสนุนวิชาการในมหาวิทยาลัย: กรณีศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน

Abstract

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลของการรับรู้รูปแบบภาวะผู้นำของ ผู้บังคับบัญชาที่มีต่อความผูกพันต่อองค์การและเพื่อเปรียบเทียบความผูกพันต่อ องค์การของบุคลากรสายสนับสนุนในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคลของผู้บังคับบัญชาด้านเพศ อายุ และระยะเวลาที่ปฏิบัติงาน ร่วมกันจากกลุ่มตัวอย่าง465คน โดยการใช้ระบบสอบถามและวิเคราะห์ข้อมูลด้วย สถิติถดถอยพหุคุณแบบขั้นตอน ค่าทีและค่าความแปรปรวนทางเดียวผลการวิจัย พบว่าภาวะผู้นำเชิงปฏิรูปนั้นมีอิทธิพลต่อความผูกพันต่อองค์การโดยรวม รวมถึงด้าน การยอมรับเป้าหมายวิสัยทัศน์และค่านิยม และด้านความปรารถนาที่จะดำรงความ เป็นสมาชิกภาพ ที่ระดับนัยสำคัญ 0.01ในขณะที่ภาวะผู้นำเชิงปฏิรูปและแบบปล่อย ตามสบายนั้นมีอิทธิพลต่อด้านความพยายามทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อความสำเร็จของ องค์การ ที่ระดับนัยสำคัญ 0.01และ0.05 ตามลำดับนอกจากนี้ยังพบว่าบุคลากรสาย สนับสนุนที่มีระยะเวลาปฏิบัติงานร่วมกับผู้คับบัญชาที่แตกต่างกัน มีความผูกพันต่อ องค์การโดยรวม รวมถึงด้านการยอมรับเป้าหมายวิสัยทัศน์และค่านิยม และด้านความ ปรารถนาที่จะดำรงความเป็นสมาชิกภาพขององค์การแตกต่างกัน

This research aims to study the influence of perception about supervisor’s leadership styles on employee engagement and to compare the employee engagement level of supporting staff in Kasetsart University Bangkhen Campus. This was categorized according to supervisor’s personal factors: sex, age and years of experience working with supporting staff. The 465stratified random samples were Kasetsart University’s supporting staff. Data were collected by the questionnaires, and statistical data analysis techniques were Multiple Regression Analysis, t-test and One-Way ANOVA. The findings indicated that transformational leadership had the influence on the overall employee engagement, including the aspects of acceptance of a target, vision, and value, and a desire to maintain organizational membership, at 0.01level of significance. In addition, transformational leadership and laissez-faire leadership had influence the aspect of striving for the success of organizations at the significance levels of 0.01 and 0.05, respectively. Besides, supporting staff with different years of experience working with current supervisors had a different level of overall employee engagement.