ผลการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความโดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบ SQ4R สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความโดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบ SQ4R สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามเกณฑ์ 80/80 เพื่อเปรียบเทียบความสามารถทางการอ่านจับใจความของนักเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนเพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความและเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความโดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบ SQ4R สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบ SQ4R ซึ่งประกอบด้วยการสำรวจการตั้งคำถามการอ่านการจดบันทึกการสรุปและการวิเคราะห์กลุ่มตัวอย่างคือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนบ้านหนองไทร (ปัญจคามคุรุสรรค์) จำนวน 31 คนได้มาโดยการสุ่มอย่างง่ายเครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความจำนวน 5 ชุด ได้แก่ แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความจากข่าวนิทานสารคดีบทร้อยกรองและบทความวิชาการ 2) แผนการจัดการเรียนรู้จำนวน 10 แผน 3) แบบทดสอบวัดความสามารถทางการอ่านจับใจความมีลักษณะเป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือกจำนวน 30 ข้อและ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความโดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบ SQ4R สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับจำนวน 15 ข้อสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานค่า E / E, ค่า E. I. และการทดสอบสมมติฐานโดยใช้ t-test Dependent ผลการวิจัยสรุปได้ว่า 1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความโดยวิธีการสอนอ่านแบบ SQ4R สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82. 82/82. 90 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 2. ความสามารถทางการอ่านจับใจความของนักเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความโดยวิธีการสอนอ่านแบบ SQ4R สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ความหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ. 05 3. ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความโดยวิธีการสอนอ่านแบบ SQ4R สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เท่ากับ 0. 5620 แสดงว่านักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น 0. 5620 หรือคิดเป็นร้อยละ 56. 20 4. ระดับความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความโดยวิธีการสอนอ่านแบบ SQ4R สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด

The objectives of this research were to study the efficiency of the reading comprehension skill practice exercises using SQ4R reading method for Matthayomsuksa 3 Students to meet the criteria set at 80/80; to compare the reading comprehension ability before and after learning; to investigate the effectiveness index of the learning by using the reading comprehension skill practice exercises; and to study the satisfaction of students with learning by using the reading comprehension skill practice exercises using SQ4R reading method for Matthayomsuksa 3 Students. The SQ4R reading method consisted of survey, question, read, record, recite, and reflect. The samples of this study comprised 31 Matthayomsuksa 3 Students of Ban Nongsai School (Panjakhamkhurusan) studying in the first semester of academic year 2016, selected by using simple random sampling technique. The instruments for data collection were as follows: 1) 5 sets of the reading S comprehension skill practice exercises included news, tales, documentary, poems, and academic articles: 2) 10 lesson plans 3) a 30-item reading comprehension ability test; and 4) a 15-items with 5-level rating Scale questionnaire for asking the student satisfaction with the using of the reading comprehension skill practice exercises using SQ4R reading method for Matthayomsuksa 3 Students. The statistics for data analysis consisted of the percentage, mean, standard deviation, E, / E, E. I. The hypothesis was tested by using the t-test Dependent Samples.

The results of the study concluded as follows:

1. The efficiency of the reading comprehension skills practice exercises using SQ4R reading method for Matthayomsuksa 3 Students was 82. 82/82. 90 which met the criteria set at 80/80. 2. The reading comprehension ability of students after learning by using the reading comprehension skill practice exercises using SQ4R reading method for Matthayomsuksa 3 students was higher than before learning at the statistical difference level of 0. 5. 3. The efficiency index of the learning by using the reading comprehension skill practice exercises using SQ4R reading method for Matthayomsuksa 3 student was 0. 5620 which revealed that the student 's learning achievement increased 0. 5620, or 56. 20% 4. The satisfaction of students with learning by using the reading comprehension skill practice exercises using SQ4R reading method for Matthayomsuksa 3 students as a whole was at “highest” lever