การพัฒนาการแก้ทักษะปัญหาทางคณิตศาสตร์ โดยใช้วีสอนแบบร่วมมือเทคนิค TAI สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

Abstract

การวิจัยครั้งนี้ เป็นการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ โดยใช้วิธีสอนแบบร่วมมือทางเทคนิค TAI สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ โดยมีความมุ่งหมายดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาชุดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้วิธีสอนแบบร่วมมือทางเทคนิค TAI ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) เพื่อเปรียบเทียบทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของชั้นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนรู้ด้วยชุดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้วิธีสอนแบบร่วมมือเทคนิค TAI กับเกณฑ์ร้อยละ 65 3) เพื่อศึกษาวิชาความพอใจในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนรู้ด้วยชุดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3โดยใช้วิธีการสอนแบบร่วมมือเทคนิคTAI กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 จำนวน 38 คน ที่เรียนอยู่ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนจอมประชาสรรค์ อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ โดยใช้วิธีสุ่มตัวอย่างอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้วิจัยประกอบด้วย ชุดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์จำนวน 8 ชุดแผนจัดการเรียนรู้จำนวน 16 แผ่น แบบทดสอบทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ จำนวน 5 ข้อและแบบวัดความพึงพอใจ จำนวน 10 ข้อ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและทดสอบสมมุติฐานโดยใช้ t-test for One Sample ผลการวิจัยพบว่า 1. ชุดการเรียนรุ้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 79.90/77.21 ซึ่งผ่านเกณฑ์ 75/75 ที่ตั้งไว้ 2. ทักษะการแก้ไขปัญหาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือเทคนิค TAI โดยใช้ชุดการเรียนรู้ทางวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร สูงกว่าเกณฑ์ ร้อยละ 65 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3. นักเรียนที่เรียนรู้โดยใช้ชุดการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3โดยภาพรวมทีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด

The purposes of this research were: 1) to develop Mathematics learning packages on Surface Area and Volume by using co-operative learning with TAI technique for Matthayomsuksa 3 Students based 0n the criteria set at 75/75; 2) to compare Mathematics Problem Solving Skills for Matthayomsuksa 3 Students who learned with Mathematics learning packages on Surface Area and Volume by using co-operative learning with TAI technique 65 percentage criterion; and 3) to study satisfaction of the students towards learning by using Mathematics learning packages on Surface Area and Volume by using co-operative learning with TAI technique for Matthayomsuksa 3 Students. The sample was 38 Matthayomsuksa 3 Students at chomphraprachasan School, chomphra District, Surin province in the first semester of the academic year 2015 selected by simple random sampling. The study instruments included : 1) 6 sets of Mathematics learning packages ; 2) 16 lesson plans Surface Area and Volume;3) 5 items of the achievement test of Mathematics Problem solving skills; and 4) 10 –item questionnaire asking students’ satisfaction towards learning by using Mathematics learning packages on Surface Area and Volume by using co-operative learning with TAI technique. The collected data was analyzed by mean, percentage, standard deviation. The hypothesis was tested by using t-test for one Sample. The results of this research were as follows: 1.The effeciency of using Mathematics learning packages on Surface Area and Volume by using co-operative learning with TAI technique for Matthayomsuksa 3 Students was at 79.90/77.21 which met the criteria set. 2. The Mathematics Problem solving skills of Matthayomsuksa 3 Students after being taught by using Mathematics learning packages packages on Surface Area and Volume by using co-operative learning with TAI technique the 65 percentage criterion at .01 level of significance. 3.The satisfaction of the students towards learning by using learning packages on Surface Area and Volume by using co-operative learning with TAI technique for Matthayomsuksa 3 Students as a whole was at a highest level.