การปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูที่มีต่อการปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 โดยจำแนกตาม สถานภาพตำแหน่ง และขนาดของโรงเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย จำนวนทั้งหมด 341 คน เป็นผู้บริหาร จำนวน 20 คน และครู จำนวน 321 คน ซึ่งได้มาโดยการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามตารางของเครจซี่และมอร์แกน และทำการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมี 3 ลักษณะ ได้แก่ แบบสำรวจรายการ แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ และแบบปลายเปิด มีค่าความเชื่อมั่น 0.97 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานโดยการทดสอบค่าที การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวและทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ตามวิธีการของเชฟเฟ่ ผลการวิจัยพบว่า 1. ผู้บริหารสถานศึกษาและครูมีความคิดเห็นต่อการปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 โดยรวมและ รายด้านมีจรรยาบรรณในระดับมาก โดยเรียงตามลำดับจากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ ด้านจรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ ด้านจรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ ด้านจรรยาบรรณต่อวิชาชีพ ด้านจรรยาบรรณต่อตนเอง และด้านจรรยาบรรณต่อสังคม 2. ผู้บริหารสถานศึกษาและครูมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพของผู้บริหารสถานศึกษา โดยรวมไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านจรรยาบรรณต่อวิชาชีพ และด้านจรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ส่วนด้านอื่น ๆ ไม่แตกต่างกัน 3. ผู้บริหารสถานศึกษาและครูที่ปฏิบัติงานในโรงเรียนขนาดต่างกันมีความคิดเห็น เกี่ยวกับการปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพของผู้บริหารสถานศึกษา จำแนกตามขนาดของโรงเรียน พบว่าโดยรวมไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าทุกด้านไม่แตกต่างกัน 4. ข้อเสนอแนะ เกี่ยวกับการปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพของผู้บริหารสถานศึกษา ด้านจรรยาบรรณต่อตนเองว่าผู้บริหารควรปฏิบัติตนมีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอทั้งด้านทักษะและความคิด การวางแผนต่าง ๆ ตลอดจนเทคโนโลยีต่าง ๆ ด้านจรรยาบรรณต่อ วิชาชีพ ผู้บริหารควรปฏิบัติตามกฎระเบียบ ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่บุคลากรในโรงเรียน ตลอดจนนักเรียน ทั้งในและนอกเวลา ด้านจรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ ผู้บริหารควรมีการส่งเสริมผลักดัน ให้นักเรียนปฏิบัติตนเป็นคนดี และให้ห่างไกลยาเสพติด ด้านจรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ ผู้บริหารควรส่งเสริมให้มีการพัฒนาครูให้มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เช่น สนับสนุนให้ครูเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น หรืออบรมในหลักสูตรใหม่ ๆ ที่ทันต่อสถานการณ์ และด้านจรรยาบรรณต่อสังคม ผู้บริหารควรสนับสนุนกิจกรรมของชุมชนอย่างสม่ำเสมอ และผู้บริหารควรสนับสนุนให้นักเรียนมีส่วนช่วยเหลือและพัฒนาชุมชนที่ตนอาศัย ให้มีความสามัคคีกันในชุมชน

The purposes of this research were to study and compare the opinions of administrators and teachers about self-performance according to the professional ethics of school administrators under Secondary Educational Service Area Office 32, classified by position and school’s size. The samples consisted of 341 teachers: 20 school administrators and 321 teachers, selected by using the table of Krejcie and Morgan, and stratified random sampling technique. The instrument used to collect the data was a questionnaire with the reliability level of 0.97, which divided into three parts: part 1 was a checklist, part 2 was a 5–rating scale, and part 3 was the open - ended questions. The statistics used to analysed the data were frequency, percentage, mean, standard deviation, one-way ANOVA, and Scheffe’s test. The findings of this research were as follows: 1. Self-performance according to the professional ethics of school administrators under Secondary Educational Service Area Office 32 according to the opinions of the administrators and teachers in overall and each aspect was at a high level ( = 4.22, S.D = 0.44), which could be categorized from high to low as follows: 1) client-centered ethics, 2) collegial ethics, 3) professional ethics, 4) personal ethics, and 5) societal ethics. 2. Classified by position, the opinions of school administrators and teachers about self-performance according to the professional ethics of school administrators under Secondary Educational Service Area Office 32 were not different in overall aspect. When considering in each aspect, the client-centered ethics was significantly different at the statistical level of .01 while other aspects were not different. 3. In terms of school’s size, the opinions of school administrators and teachers about self-performance according to the professional ethics of school administrators under Secondary Educational Service Area Office 32 were not different in overall aspect. When considering in each aspect, no difference was found. 4. Other suggestions about self-performance according to the professional ethics of school administrators were found that in the personal ethics, the school administrators should always train themselves to improve their skills and ideas as well as planning and using technology. Regarding professional ethics, the administrators should follow the rules and regulations, and they should behave as a good model for school personnel and students both in and out of working time. About the client-centered ethics, the school administrators should promote and encourage students to behave themselves as a good person and to stay away from drugs. With reference to the collegial ethics, the school administrators should encourage teachers to develop their work to be successful, such as encouraging them to continue their study in higher education or to be trained in new and trendy courses. Moreover, in the societal ethics, the school administrators should support the community activities regularly, and they should encourage students to contribute and develop the communities where they live to have the unity in the community.