สภาพแวดล้อมภายนอก การมีส่วนร่วมและความสามารถทางการตลาด ที่มีผลต่อการเติบโตของวิสาหกิจชุมชนเขตภาคเหนือตอนบน

Abstract

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความสำคัญของสภาพแวดล้อม ภายนอก การมีส่วนร่วม และความสามารถทางการตลาดและการเติบโตของวิสาหกิจ ชุมชนและ 2) ศึกษาสภาพแวดล้อมภายนอก การมีส่วนร่วมและความสามารถทางการ ตลาดที่มีผลต่อการเติบโตของวิสาหกิจชุมชนเขตภาคเหนือตอนบน เป็นการวิจัยเชิง ปริมาณโดยการสำรวจทางไปรษณีย์ กลุ่มตัวอย่าง คือ กรรมการกลุ่มวิสาหกิจชุมชน จำนวน 500 ราย ดา เนินการใน 8 จังหวัด คือ จังหวัดลา ปาง จังหวัดลา พูน จังหวัด เชียงใหม่ จังหวัดแพร่ จังหวัดน่าน จังหวัดพะเยา จังหวัดเชียงราย และจังหวัด แม่ฮ่องสอน เน้นกลุ่มการผลิต 6 ประเภท คือ 1) กลุ่มการแปรรูปและผลิตภัณฑ์อาหาร 2) กลุ่มผ้าและเครื่องแต่งกาย 3) กลุ่มเครื่องจักสาน 4) กลุ่มเครื่องดื่ม 5) กลุ่มผลิตภัณฑ์ สมุนไพร และ 6) กลุ่มของชำร่วยและของที่ระลึก เครื่องมือวิจัยคือ แบบสอบถาม โดยใช้สถิติพรรณนาวิเคราะห์เพื่อหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ส่วนสถิติ อนุมานวิเคราะห์ด้วยสมการโครงสร้างด้วยโปรแกรม AMOS ผลการวิจัยพบว่า ความสามารถทางการตลาดมีความสำคัญในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ การเติบโต ของวิสาหกิจชุมชน การมีส่วนร่วมและสภาพแวดล้อมภายนอก ตามลา ดับ การ วิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน พบว่าโมเดลมาตรวัดของตัวแปรที่ใช้ในการวิจัยมี ความสอดคล้องกับทฤษฎี โดยตัวแปรสังเกตได้มีค่าน้า หนักองค์ประกอบอยู่ระหว่าง 0.68-1.00 มีค่าความผันแปรเฉลี่ยที่สกัดได้มีค่าระหว่าง 0.58-0.92 และค่าความเชื่อมั่น ได้อยู่ระหว่าง 0.91-0.99 โมเดลอิทธิพลโครงสร้างความสัมพันธ์เชิงสาเหตุสอดคล้อง กับข้อมูลเชิงประจักษ์ X2=24.339, X2/df =1.522, p=0.082, GFI=0.998, CFI=0.995, RMR= 0.023 และค่า RMSEA=0.028 ผลการวิเคราะห์สมการโครงสร้าง พบว่า สภาพแวดล้อมภายนอกมีผลทางตรงต่อความสามารถทางการตลาดมากที่สุด รองลงมา คือสภาพแวดล้อมภายนอกมีผลทางตรงต่อการมีส่วนร่วมและสภาพแวดล้อมภายนอก มีผลต่อการเติบโตของวิสาหกิจชุมชน ด้านการมีส่วนร่วมและความสามารถทางการ ตลาดไม่มีผลต่อการเติบโตของวิสาหกิจชุมชน

The purposes of this research were to study the influence and importance of the external environment, business growth, and the participation and marketing capability of community enterprises and the impact of these factors on business expansion. The research was quantitative in nature and the sampling group consisted of community enterprises in eight provinces in the upper north of Thailand. A total of 500 board members of the community enterprises were asked to complete questionnaires distributed by post. Six types of community enterprises were investigated, including producers and manufacturers of food, drinks, clothing and accessories, woven products, herbal products, and gifts. The data were analyzed using descriptive statistics i.e. percentage, average and standard deviation, and inferential statistics via Amos software analysis. The research results revealed that marketing capability was the most important factor, followed by the growth of the community enterprise, the level of participation in the enterprise, and the external environment. All these were rated as having a ‘rather high’ level of importance. The structural equation modeling of the growth of the community enterprise model showed consistency with an empirical fit (X2=4.339,X2/df=1.522, p=16,GFI=0.082,CFI=0.998, RMR=0.023 and RMSEA=0.028). The results of the analysis showed that the external environment had the most direct effect on marketing capability, followed by participation and the growth of community enterprises. Participation and marketing capability had an indirect effect on the growth of community enterprises.