Abstract:
การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยเป็นอย่างมากและที่เห็นอย่างชัดเจน ได้แก่ การขยายตัวของ GDP ซึ่งรวมทั้งปี 2559 สาขาโรงแรมและภัตตาคารขยายตัวร้อยละ 10.3 รายรับจากการท่องเที่ยว 2,510.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.1 รายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1,641.3 พันล้านบาท รายรับจากนักท่องเที่ยวไทย 869.5 พันล้านบาทอัตราเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 66.6(สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2560) เกิดการสร้างงานโดยเฉพาะความต้องการของตลาดแรงงานภาคการท่องเที่ยวและงานโรงแรมเป็น 1 ใน 10 อันดับแรกที่เป็นที่ต้องการของแรงงานมากถึง 8.29% (ประชาชาติธุรกิจออนไลน์, 2559) เพิ่มมูลค่าการส่งออกและมูลค่าภาษี รวมทั้งการกระตุ้นการลงทุน การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และการใช้จ่ายเงินของภาครัฐ (จิรา, 2557) ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเดินทางมาเที่ยวยังประเทศไทยของนักท่องเที่ยวเป็นเพราะความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยว อาหารไทย ความคุ้มค่าเงิน วัฒนธรรมและศาสนา และความหลากหลายของกิจกรรมต่างๆ
กระนั้นก็ตามแม้การทองเที่ยวจะสร้างรายไดและสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่อีกด้านหนึ่งการทองเที่ยวกลับก่อให้เกิดผลกระทบต่อความยั่งยืนของระบบนิเวศ สังคมและวิถีชีวิตของคนในชุมชนด้วย เช่น การที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่มากกว่าที่สิ่งแวดล้อมจะรองรับได้จนเกิดปัญหาขยะ น้ำเสีย จนสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมในที่สุด เกิดปัญหาขัดแย้งกับคนในชุมชน เช่น ปริมาณน้ำไม่พอใช้ ปัญหาบุกรุกที่ดิน วัฒนธรรมในชุมชนเปลี่ยนแปลงไป (สุดถนอม, 2559) ทั้งนี้กระบวนการเคลื่อนไหวของกลุ่มท่องเที่ยวที่ก้าวหน้าเพื่อสร้างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนในอนาคตนั้น จะให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวที่รับผิดชอบต่อทรัพยากรการท่องเที่ยวเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การท่องเที่ยวที่เป็นธรรม โรงแรมที่มีนโยบายการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยวโดยชุมชน ซึ่งเป็นกระบวนการทางการท่องเที่ยวที่เป็นรูปแบบของการท่องเที่ยวที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากขึ้นและมีค่านิยมในการเดินทางท่องเที่ยวที่หลากหลายแตกต่างกันไปตามลักษณะพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวขณะเดียวกันแนวโน้มการท่องเที่ยวในอนาคต ผู้คนมีแนวโน้มที่จะต้องการท่องเที่ยวในแบบใกล้ชิดธรรมชาติและการใช้บริการทางท่องเที่ยวด้านทักษะภูมิปัญญาสูงขึ้น ดังนั้นการท่องเที่ยวโดยชุมชนจึงจะมีบทบาททางการท่องเที่ยวมากขึ้นในอนาคต (ผู้จัดการ Online, 2551)
การท่องเที่ยวโดยชุมชนเป็นหนึ่งในกระแสการท่องเที่ยวแบบนิยมท้องถิ่น (Localism) ที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ เนื่องด้วยนักท่องเที่ยวได้ตระเวนไปในพื้นที่และฝังตัวอยู่กับคนพื้นถิ่น เรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของผู้คน เป็นการเปิดโอกาสให้ได้เห็นลักษณะความเป็นท้องถิ่นของเราเอง (Own Locality) ซึ่งหากมีการเดินทางท่องเที่ยวแบบนี้มากขึ้น จะเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงท้องถิ่นได้อย่างสร้างสรรค์ เรียกได้ว่าเป็นการท่องเที่ยวแบบ Staycation ซึ่งเป็น Localism ขั้นสุดที่ไม่ได้เพียงนิยมท้องถิ่นของคนอื่น แต่เป็นการนิยมท้องถิ่นของตนเองผ่านการท่องเที่ยวแบบคนนอกที่เปิดโอกาสให้ได้สำรวจท้องถิ่นที่คุ้นเคยที่สุดแต่อาจรู้จักน้อยที่สุด ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ Staycationกลายเป็นเทรนด์การท่องเที่ยวที่น่าสนใจของปี 2559 (โตมร, 2559)ลักษณะสำคัญของการท่องเที่ยวโดยชุมชนคือ ชุมชนจะต้องเป็นผู้กำหนดทิศทางขึ้นเองบนพื้นฐานที่ทุกคนเป็นเจ้าของทรัพยากรร่วมกัน โดยคำนึงถึงขีดความสามารถในการรองรับของธรรมชาติ ซึ่งฐานทรัพยากรการท่องเที่ยวจะได้แก่ ธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และวิถีชีวิตของชุมชน เป็นต้นทุน และปัจจัยในการดำเนินงานโดยจะต้องมีการพัฒนาศักยภาพของคนในชุมชนให้มีความรู้ความสามารถในการจัดการท่องเที่ยว มีกระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบ รวมทั้งเน้นความยั่งยืน เกิดประโยชน์ต่อท้องถิ่น และฐานทรัพยากรชุมชน (สินธุ์, 2551)
เมื่อชุมชนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชีวิตของผู้อยู่อาศัยในชุมชนนั้นจะได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวทั้งทางเศรษฐกิจสังคมวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมการท่องเที่ยวโดยชุมชนจึงถือเป็นการแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืนเนื่องจากการท่องเที่ยวโดยชุมชนเกิดขึ้นมาจากการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนที่มาจากฐานความต้องการของคนในชุมชนอย่างแท้จริงซึ่งทุกคนจะมีความรู้สึกของการเป็นเจ้าของร่วมกัน ร่วมทั้งแรงในกิจกรรม ร่วมทั้งรายได้และผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น และร่วมกันรักษาไว้ซึ่งวิถีวัฒนธรรมดั้งเดิมของชุมชนดังนั้น สิ่งหนึ่งที่บ่งบอกถึงความสำเร็จของการจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชนในฐานะที่เป็นเครื่องมือการพัฒนาชุมชนให้เกิดความก้าวหน้าและยั่งยืนคือ “ความสุขของคนในชุมชน และคนมาเที่ยว” ซึ่งคนในชุมชนจะต้องร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมตัดสินใจ ร่วมจัดการ ร่วมทุกข์ ร่วมสุข ร่วมรับผิดชอบ ร่วมรับผลประโยชน์ โดยกระบวนการมีส่วนร่วม การที่จะบ่งบอกว่าชุมชนเป็นชุมชนแห่งความสุขหรือไม่นั้น ต้องอาศัยเครื่องมือหรือตัวชี้วัด (Indicators) ที่จะสามารถบ่งบอกได้ว่าพื้นที่นั้นมีความสุขมากน้อยเพียงใด ดังนั้น การมีเครื่องมือที่ชี้วัดโดยเฉพาะของพื้นที่จะสามารถบ่งบอกถึงความสุขของพื้นที่นั้นๆ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือวัดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับวัฒนธรรมและทรัพยากรธรรมชาติของแหล่งท่องเที่ยวได้อีกด้วย (Blancas, et al., 2011)
จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า การดำเนินการการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนให้เกิดความดุลทั้งในแง่ของคนในชุมชนและนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะต้องคำนึงถึงความสุขของคนในชุมชนประกอบด้วยเพื่อให้เกิดความยั่งยืนของการท่องเที่ยวโดยชุมชน เสริมสร้างความยั่งยืนของคุณภาพและมาตรฐานของการท่องเที่ยวให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเพื่อลดและป้องกันผลกระทบและวิกฤติที่เกิดจากการท่องเที่ยวโดยชุมชน การมีตัวชี้วัดความสุขของชุมชนและนักท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวโดยชุมชน จะเป็นมาตรฐานการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนให้เกิดชุมชนแห่งความสุขอย่างแท้จริงบทความนี้จึงได้ทบทวนความรู้ที่เกี่ยวเนื่องกับองค์ประกอบและตัวชี้วัดความสุขมวลรวมของการจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชนจากเอกสารทางวิชาการและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ทราบองค์ประกอบและตัวชี้วัดความสุขมวลรวมของการจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชน และสามารถนำมาใช้ประเมินองค์ประกอบและตัวชี้วัดความสุขมวลรวมของการจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชนได้