Abstract:
งานวิจัยนีม้ ุ่งหาองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ให้แก่พืชสมุนไพรที่มีการใช้อยู่ทวั่ ไป พร้อมทัง้
ตรวจสอบหาสารต้านจุลชีพชนิดใหม่ แก่นครีเ้ ป็นสมุนไพรไทยที่มีสารพฤกษเคมีกลุ่มฟลาโวนอยด์
หลากหลายชนิด การศึกษาครัง้ นีจึ้งใช้สารสกัดหยาบจากแก่นครีที้่สกัดด้วยเมทานอลมาทดสอบ
ประสิทธิภาพการยับยัง้ จุลชีพชนิดต่างๆ โดยเป็นแบคทีเรียแกรมบวก 2 สายพันธ์ุ (Bacillus
cereus แ ล ะ Enterococcus faecium) แบค ที เรี ย แก รม ลบ 4 ส ายพัน ธ์ุ (Acenetobactor
baumannii ATCC 19606, Escherichia coli ATCC 25922, Klebsiella pneumoniae ATCC
70 0 6 03 แ ล ะ Pseudomonsa aeruginosa PAO1 ) ก ลุ่ม เชื ้อ รา 4 ส ายพั น ธ์ุ (Alternaria
brassicicola, Candida albicans, Curvularia lunata และ Magnaporthe grisea) การทดสอบ
ใช้เทคนิควิธีทางสเปกโตรโฟโตรเมตรีและสเปกโตรฟลูออโรเมตรี และรายงานค่าความเข้มข้นที่
น้อยที่สุดของสารสกัดที่สามารถยับยัง้ การเจริญของจุลชีพได้ที่ร้อยละ 90 (MIC90) ผลการทดสอบ
พบว่าสารสกัดจากแก่นครีมี้ผลยับยัง้ การเจริญของเชือ้ B. cereus ได้ดีที่สุด โดยมีค่าและมีค่า
MIC90 เป็น 12.5 μg/mL และสามารถยับยัง้ การเจริญเติบโตได้ถึง 99.85% และ 100% ที่ความ
เข้มข้น 25 และ 50 μg/mL ตามลาดับ ศักยภาพในการยับยัง้ เชือ้ B. Cereus ของสารสกัดจาก
แก่นครีจ้ ะสามารถนาไปพัฒนาเป็นสารป้องกันการบูดเน่าของอาหารประเภทแป้งได้ ในขณะที่การ
ทดสอบฤทธิ์ต้านจุลชีพชนิดอื่นๆ เมื่อใช้สารสกัดจากแก่นครีที้่ความเข้มข้นสูงสุดในการทดลอง (50
μg/mL) พบว่ายังไม่สามารถยับยัง้ การเจริญได้ ดังนัน้ จึงประเมินได้ว่าสารสกัดจากแก่นครียั้งไม่มี
ประสิทธิภาพพอที่จะนามาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต้านจุลชีพชนิดอื่นๆ ยกเว้น B. cereus