การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย 1) พัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ให้มี ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่องทวีปยุโรป โดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วย สอน 3) เพื่อศึกษาค่าดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่องทวีปยุโรป 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจในการเรียน รายวิชาสังคม ศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่องทวีปยุโรป โดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน สำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลองครั้งนี้คือ นักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์นางรอง ตำบลนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัด บุรีรัมย์ สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2552 จำนวน 30 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่องทวีปยุโรป ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องทวีปยุโรป ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3 แบบประเมินคุณภาพบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบสอบถามความพึงพอใจของ นักเรียนต่อการเรียน เรื่องทวีปยุโรป ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลัง เรียน โดยใช้ค่าที (t- test) การหาค่าดัชนีประสิทธิผล (E.I) ผลการวิจัยที่คาดว่าจะได้รับ 1. บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง ทวีปยุโรปมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ ที่กำหนด 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้บทเรียน คอมพิวเตอร์ช่วยสอนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน 3. ค่าดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่องทวีปยุโรป มากกว่าร้อยละ 50 4. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มากกว่าร้อยละ 80 มีความพึงพอใจต่อการ เรียนวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่องทวีปยุโรป โดยการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอนอยู่ในเกณฑ์มาก