บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาสภาพการบริหารงานวิชาการ 2) เปรียบเทียบ ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครู และ 3) เสนอกลยุทธ์ในการบริหารงานวิชาการ กลุ่ม ตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้เป็น ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 11 คน รองผู้อำนวยการสถานศึกษา จำนวน 6 คน และครู จำนวน 162 คน รวมทั้งสิ้น 179 คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามที่ผ่าน การตรวจสอบความเที่ยงตรง มีค่าความเชื่อมั่น สัมประสิทธิ์แอลฟาที่ 0.972 และการจัดประชุม สนทนากลุ่ม (Focus Group) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานและ เปรียบเทียบความคิดเห็นโดยการทดสอบ t – test และวิเคราะห์ แบบอุปนัย (Analytic Induction) ผลการวิจัยพบว่าผู้บริหารสถานศึกษาส่วนใหญ่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ร้อยละ 64.71 ครู ส่วนใหญ่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ร้อยละ 95.06 ผู้บริหารสถานศึกษาส่วนใหญ่มี ประสบการณ์ในการทำงานมากกว่า 10 ปี ร้อยละ 82.35 ส่วนครูพบว่าส่วนใหญ่มีประสบการณ์ในการ ทำงานมากกว่า 10 ปี ร้อยละ 75.92 ผู้บริหารสถานศึกษา และครูมีความคิดเห็นต่อการบริหารงาน วิชาการโดยรวม 12 ด้าน มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก โดยเรียงลำดับได้ดังนี้ อันดับ 1 ด้านการ พัฒนาระบบประกันคุณภาพการศึกษา อันดับ 2 ด้านการแนะแนวการศึกษา อันดับ 3 ด้านการพัฒนา กระบวนการเรียนรู้ อันดับ 4 ด้านการวัดผล ประเมินผล และการเทียบโอนผลการเรียน อันดับ 5 ด้านการประสานความร่วมมือในการพัฒนางานวิชาการกับสถานศึกษาอื่น อันดับ 6 ด้านการพัฒนา สื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา อันดับ 7 ด้านการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา อันดับ 8 ด้านการส่งเสริม สนับสนุนงานวิชาการแก่บุคคล ชุมชน ครอบครัว องค์กร หน่วยงาน และสถาบันอื่น ที่จัดการศึกษา อันดับ 9 ด้านการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ และด้านการนิเทศการศึกษา อันดับ 11 ด้านการ วิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา และอันดับ 12 ด้านการส่งเสริมความรู้ด้านวิชาการแก่ชุมชน การ เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารและครูต่อสภาพการบริหารงานวิชาการทั้งโดยรวม และราย ด้าน พบว่าไม่แตกต่างกัน และการประชุมสนทนากลุ่มทำให้ได้กำหนดประเด็นยุทธศาสตร์ ในการ บริหารงานวิชาการ 3 ประเด็น คือ 1) เพิ่มขีดความสามารถการทำวิจัยใน ชั้นเรียนของครู ประกอบด้วย 2 กลยุทธ์ ได้แก่ ยกระดับความรู้ความสามารถในการทำวิจัยของครู และการใช้บุคลากรในกลุ่มเป็นวิทยากรแกนนำ 2) พัฒนาวิธีการนิเทศภายใน ประกอบด้วยกลยุทธ์ พัฒนาเครื่องมือนิเทศภายใน และ 3) สร้างระบบความรวมมือภายในกลุ่ม ประกอบด้วย 2 กลยุทธ์ ได้แก่ ใช้ทรัพยากรร่วมกัน และสร้างภาคีคณะกรรมการนักเรียนในกลุ่มโรงเรียน